ถึง พี่ๆน้องๆชาวชมรมฯทุกท่านค่ะ
ต่างคน ต่างใจ ต่างความคิดและ มุมมอง ตราบใดที่แต่ละคนอยู่ในสถานะที่ต่างกัน และไม่ได้เป็นผู้ทำงานนั้นอย่างแท้จริง ก็จะไม่ทราบกระบวนการทำงานนั้นอย่างถ่องแท้ เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ปฎิบัติงาน ทำให้ไม่เข้าใจวิธีการ Approach ที่ถูกต้อง นุ่มนวล สร้างสรรค์ และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ยกตัวอย่าง กรณีของ สสจ.จันทบุรี ในความเห็นของพี่ถือว่าเด็กๆ......ม๊าก มาก
วิธีแก้ไข ก็แค่ให้เบอร์โทรของพี่หรือพี่แพร ก็จบแล้วค่ะ ส่วนเรื่องการโอนเงินของผู้ซื้อ หากโอนแล้วไม่ส่งหลักฐานการโอนเงินมายืนยัน order ที่สั่ง ก็ไม่มีทางที่ผู้รับจะทราบว่าเป็นของผู้ใดโอนมา ประกอบกับการโทรมาสั่งปากเปล่า ไม่มีการเขียนใบสั่ง ก็ยิ่งไปกันใหญ่เลย ลูกค้าแบบนี้มีไม่ถึง 10 % คนซื้อส่วนใหญ่เข้าใจระบบดี ไม่ว่าจะเป็นที่ แม่สาย เชียงราย หรือ ยะหริ่ง ปัตตานี ก็ทราบกันดี หรือจะเป็น กรณีอื่นๆ ก็ตาม
ขอแค่ให้คนทำงานเขาทราบถึงปัญหาว่าเป็นมายังไง พี่คิดว่า Manage ได้ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เพียงแค่คนที่รับทราบปัญหาส่งผ่าน ข้อมูลมาก็เพียงพอแล้ว คนในวงการทันตแพทย์ด้วยกัน จะพูดคุยกันดีๆ คงไม่ยากอะไรคะ แต่เรื่องที่ใหญ่กว่า จะขอเล่าให้ฟัง ในฐานะของคนทำงาน (อย่างไม่มีปาก มีเสียง) ....โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง (ไม่ขอออกนาม) สั่งแปรงมาเป็นจำนวนเงิน 18,000 บาท ในนามของ โรงพยาบาล ของพร้อมบิลถูกจัดส่งให้เรียบร้อย เวลาผ่านไป 1 ปี ยังไม่ได้รับเงิน ระหว่างนั้นมีการตามเป็บระยะ ก็รับคำตอบว่า ผู้สั่งไม่อยู่ ไม่มีใครทราบเรื่อง ต้องรอ จนท. เราไม่มี sale ไปเก็บทั่วประเทศ สิ่งที่ทำได้ แค่โทรตามเท่านั้น ( คำพูดในการทวงไม่ถึงกับบริษัทรับทวงหนี้หรอกนะ)
จนกระทั่ง แอบได้ยินเสียงคนในสายคุยกันว่า “ทวงหนี้รายที่ 5 แล้ว” ก็เอ่ะใจ เริ่มสงสัย เลยโทรไปหาหัวหน้าฝ่ายทันตะฯ ถึงได้ทราบความจริงว่า คนสั่งแปรงอยู่ฝ่ายสุขาฯ มีหนี้สินล้นพ้นตัว เกิดเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้งแล้ว ที่ รพ. เองก็มีเจ้าหนี้มาตามตัวอยู่เสมอ .........แล้วจะทำไง ชมรมมีรายได้ ด้ามละ 0.35 บาท หากยอดนี้สูญ เป็นอันว่าขาดทุน......... ด้วยความเป็นพี่เป็นน้องของ ชาวทันตแพทย์ด้วยกัน พี่หัวหน้าฝ่าย รพ. ยอมควักกระเป๋าจ่ายออกมาก่อนแล้วจะไปตามเก็บเองทีหลัง พี่คิดว่าแกคงเห็นใจ หรือไม่ก็เบื่อที่จะรับโทรศัพท์จากพี่ ทุกวัน
ดังนั้น…ขอยืนยันว่ามันไม่ใช่การทำธุรกิจ มันเกิดขึ้นมาจากใจ ทำด้วยใจ เห็นอกเห็นใจ และเข้าใจซึ่งกันและกันทั้งทีมงานและผู้ซื้อ ไหนๆ ก็ ไหนๆ ขอเล่าที่ไปที่มา สักเล็กน้อย พี่เริ่มจับงานนี้ในช่วงชมรมฯ เกิดวิกฤต ปี 42-43 เราไม่มีเงิน ทำวารสาร รายได้ที่พอจุนเจืออยู่ตอนนั้น ก็อยู่ที่การขายแปรงแบบเงินสดจาก สสจ.สมุทรปราการ ซึ่งก็ว่าจะขอเลิกขาย เพราะงานประจำยังไม่รู้ว่าจะถูกยุบไปไหน ที่ประชุมพอสรุปคร่าวๆ ว่า รายรับของชมรม พอหาได้จาก 3 ทาง 1. ขอ (sponsor) 2. ขาย 3. เขียน (โครงการฯ ซึ่งก็ต้อง strong พอควร) พี่ ดูๆ แล้วเราจะช่วยไงดีหว่า......ขอก็ทำไม่เป็น......เขียน ก็คงไม่เก่งพอ.......ก็เหลือแต่ขายนี่แหละ น่าจะพอได้ และหากขายในระบบราชการได้ด้วย ก็จะมี volume มากพอควร ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่า ไปตกปากรับคำ ในที่ประชุมตอนไหน แต่มันเหมือนความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ เหมือนสัญญาใจ ที่ผูกพันกับ พี่ๆในชมรม มันเกิดขึ้นมาด้วยความเต็มใจ สมัครใจ
และปฏิฎานกับตนเองว่า จะทำจนกว่า ชมรมจะให้เลิกทำ เป็นที่มาของการเกิด บ.ไนซ์จูเนียร์ (เป็น บริษัทเพื่อน ที่เขาจดทะเบียนไว้ขายของจิปาถะ หลายอย่าง) พี่ไปขอใช้ชื่อเขา เพื่อนำมาออกใบเสร็จ ให้สามารถขายในระบบราชการได้ และไปโรงงานที่ผลิตแปรง ตามคำแนะนำของหมอพรทิพย์ ที่กระทรวงฯ ถึงทราบว่า เขาเป็นผู้ผลิต และทำธุรกิจ จริงๆ จะไปขอให้เขาทำแปรงให้เราในราคาที่ถูกๆ และมีคุณภาพแบบกรมอนามัย เพื่อช่วยเหลือโครงการ หรือองค์กรการกุศลต่างๆ ..(ฝันไปเถอะคะ) เขาคุยกันที่ volume, หมอจะสั่งครั้งละเท่าไหร่ หากต่ำกว่า 10000 ด้าม เขาไม่สามารถทำให้ได้นะ ทำไงดีละ ชมรมไม่มีเงินขนาดนั้น เป็นที่มาของการควักกระเป๋าจ่ายเงินก้อนแรกของตนเองเอง แทนชมรม เพื่อให้งานมันเดินต่อได้ (มันทำด้วยเต็มใจ) จึงมีแปรงเด็กเล็ก เด็กโต ผู้ใหญ่ อย่างละ10000 ด้าม = 30,000 * 4 เป็นเงินประมาณ 120,000 บาท ต่อมา ยอดสั่งมากขึ้น มัน Interfere ต่อ ระบบภาษี ของบริษัทเพื่อน.......จึงต้องลงทุนจดทะเบียน หจก.fordent ขึ้น
ซึ่งไปขอให้ น้องสาวแฟน ช่วยจดให้ เพราะเขาไม่ได้รับราชการ (เดือดร้อนชาวบ้านอีกแล้ว) การทำงานเป็นไปด้วยเหนื่อย แต่ก็ปนความสุข รอยยิ้มและความสนุกสนาน มีคนช่วยมากมาย ในสมัยอยู่ สสจ.ชัยภูมิ ทุกคนในฝ่ายทันตะ รับ order ได้หมด, ทุกคนในครอบครัวของพี่ pack ของส่งทุกวันหยุด ไม่เคยถามถึงแม้แต่ค่าน้ำมัน จนกระทั่งได้มีโอกาสได้เรียนต่อที่ มหิดล ทำให้ไม่มีเวลามารับโทรศัพท์ เพื่อรับ order ..........คราวนี้ พี่แพรและทีมงาน รพ.บางใหญ่ น่ารักมากๆๆๆๆ เข้ามาช่วยรับ order และจัดส่งรายย่อย ส่วนรายใหญ่ หรือต้องการ vat พี่ก็ยังต้องทำอยู่ พี่เข้าใจดีถึงความเหนื่อยยากในการทำงานที่ไม่ใช่งานประจำ มันเป็นงานที่ไม่มีเวลาการทำที่ชัดเจน ไม่รู้ว่าผู้ซื้อจะโทรเข้ามาสั่งหรือต่อว่าตอนไหน ตอนช่วยหมอถอนฟัน มือเต็มไปด้วยเลือด ต้องวางมือมารับ order หรือ ตอนคุณแม่ป่วยเข้านอนโรงพยาบาลอยู่ หรือ ตอนรถถูกชน ตกลงกับคู่กรณียังไม่ได้ เป็นต้น
ดังนั้น การทำงานในลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าคุณจะขายอะไรก็ตาม มันต้องเต็มไปด้วยบรรยากาศฉันมิตร หากมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง อยู่ที่ไหนก็พังที่นั่น มีหลายครั้งที่เกิดความร้าวฉาน ในครอบครัว อันเนื่องจากแปรงชมรม, มีหลายคนบอกว่าทำไปทำไม,แล้วได้อะไร , มีคนเคยบอกว่า มันเป็นเรื่องน่าขำ ที่ชมรมนี้ดำเนินอยู่ได้ด้วยการขายแปรง แต่พี่กลับไม่เห็นอย่างนั้น มันเป็นการพึ่งตนเอง ให้ดำเนินกิจกรรมได้อย่างพอเพียง โดยไม่ต้องแบมือขอใคร........ นี่น่าจะเป็นการดำเนินตามแนวทาง เศรษกิจพอเพียง ที่บางคนอาจมองข้ามไป ถึงวันนี้นับเป็นเวลา 7 ปีแล้วที่พี่จับงานนี้มา
เป็นโอกาสดีที่มี คนรุ่นใหม่ ไฟแรง เข้ามาดำเนินงาน การขายแปรงไม่ใช่ประเด็นสำคัญของชมรมอีกต่อไป ขอเพียงให้วารสาร & web site ยังอยู่ก็เพียงพอแล้ว น้องๆอาจ ขายเสื้อยืด ทำ wrist band หรือ แม้แต่ปั๊มจตุคาม ขายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ซึ่งอาจจะได้ผลตอบแทนดีกว่าแปรงอีกต่างหาก เมื่อน้องๆ เห็นว่า ระบบการขายแปรงไร้ประสิทธิภาพ.............
ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบ (Happy ending of our team) พี่กุ้ง สโรชา
ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบ (Happy ending of our team) พี่กุ้ง สโรชา
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น