วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

มีดีมาโชว์ : เรื่องเล่าจากงานประชุมวิชาการที่เมืองน่าน




มีดีมาโชว์ : เรื่องเล่าจากงานประชุมวิชาการที่เมืองน่าน 9 – 10 ก.พ. 50

สวัสดีค่ะ ขอนำเสนองานประชุมวิชาการของจังหวัดน่านค่ะ ท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่าแค่งานประชุมวิชาการจะมีเรื่องเล่าอะไรมากมาย ก็จังหวัดน่าน ไม่เคยเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมใดๆ ระดับ ที่ต้องเชิญทันตแพทย์มาจากทั่วประเทศนี่คะ ถ้าภายในจังหวัดเราก็จัดเป็นประจำทุกๆ เดือนอยู่แล้ว และยังมีงานประชุมทันตบุคลากรเพื่อนำเสนอผลงานเด่นประจำปีอีกด้วย งานครั้งนี้เลย ต้องเตรียมการเป็นการใหญ่ ด้วยการรวบรวมสมอง สติ ปัญญา กำลังกาย กำลังใจ อย่างเต็มที่ ขนาดสปอนเซอร์ของงานนี้ยังทักว่า เห็นหมอจังหวัดนี้ช่วยกันแล้วขนลุก (อาจจะคิดว่าตามจิกไม่ เลิก) ทันตบุคลากรของจังหวัดน่านมีส่วนร่วมในการจัดงานครั้งนี้ทุกคนค่ะ (อย่างน้อยก็ต้องทำงานให้ทันตแพทย์ เช่น เฝ้าห้องให้ในช่วงที่ทันตแพทย์ต้องไปเตรียมงานประชุม)


ซึ่งเจ้าภาพโครงการนี้คือ โรงพยาบาลน่านร่วมกับโรงพยาบาลค่ายสุริยพงษ์และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน (หมายถึงโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งนั่นแหละ) คือครอบจักรวาลน่านเลยค่ะ งานนี้เริ่มจาก หมอตั้ม ร้อยเอกพลเดช ศรีสุข จากโรงพยาบาลค่ายสุริยพงษ์ เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าอยากจะจัดงานประชุมวิชาการระดับประเทศให้มันยิ่งใหญ่ (สโลแกนงานนี้ฉิ-หายไม่ว่า ได้ หน้าไว้ก่อน ขอโทษนะคะ ก็เขาว่าของเขาอย่างนี้จริงๆ) แต่ชีวิตจริง ไม่ใช่ละคร ภารกิจของเธอมากมายจริง ๆ เช่น ต้องไปปฏิบัติภารกิจที่ภาคใต้เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติบ้างล่ะ ต้อง ไปร่วมเดินขบวนกับกองทัพบ้างล่ะ ต้องไปประชุมแพทย์ทางเดินอาหารบ้างล่ะ (อันนี้ต้องไปถามหมอตั้มเองว่าทำได้ไง)

แต่ในที่สุดงานประชุมครั้งนี้ ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแบบ happy ending (ถึงแม้ระหว่างงานอาจจะตบตีกันบ้าง เล็กน้อยถึงปานกลาง) ด้วยความร่วมแรงร่วมใจจากทีม staff โรงพยาบาลน่านและ โรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งค่ะ ขอเล่าถึงบรรยากาศงานประชุม ตอนลงทะเบียน มีทันตแพทย์มาจากทุกภาคส่วนของประเทศ นับไปนับมาได้ตั้ง 18 จังหวัดแน่ะ อาทิ ตราด, หนองบัวลำภู, แม่ฮ่องสอน (คนนี้อึด อยากพาคุณพ่อมาเที่ยวด้วย เธอลงไปกทม.ก่อน แล้วขึ้นมาน่านอีกรอบ แล้วก็ต้องลงไปส่งคุณพ่ออีก นับไปนับมาระยะทางขนาดนี้ไปเมืองจีนได้แล้ว) ที่ไกลๆ เช่น นราธิวาสหรือยโสธรก็มีนะคะ พอใกล้ๆ วันประชุมก็โทรมาบอกว่ามาไม่ได้แล้ว เพราะผอ.ไม่อนุมัติ (ใช่ซิ ถ้าฉันเป็นผอ. ก็ไม่อนุมัติ อย่างนราธิวาสนี่ น่ากลัวขึ้นมาแล้วจะไม่ยอมลงไปรับใช้ชาติ ต่อ)


พิธีกรของเราเป็นหมอวุฒิและพี่รอยพิมพ์ซึ่งเป็นทันตาภิบาลอยู่ศูนย์ทันตสุขภาพ อาจารย์วิทยากรก็เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งสิ้น อาทิ อาจารย์แมนสรวง จากจุฬาฯ, อาจารย์ปฐวี อาจารย์นฤมนัส จากมช. ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมต่างชมเปาะว่าอาจารย์บรรยายได้ดีมากๆ เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ อาจารย์ทุกท่านกรุณาพวกเราเป็นอย่างมากที่ได้มาบรรยายถึงจังหวัด น่านค่ะ (ใครที่เคยมาจังหวัดน่านจะรู้ว่าเส้นทางมามีแค่สองโค้ง คือ โค้งซ้ายและโค้งขวาเท่านั้น)


ช่วงเย็นเราต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม ด้วยงานขันโตก บรรยากาศแบบล้านนาแต๊ๆ งานน่ารัก อบอุ่น เป็นกันเอง สวยงาม ได้ใจเป็นอย่างยิ่ง นอกจากการแสดงจากน้องๆ นักเรียนมัธยมแล้ว ยัง มีน้องๆ นักศึกษาทันตแพทย์มหิดลที่มาฝึกงานเป็นแผนกต้อนรับ พี่ๆก็ได้เห็นหน้าแฉล้มของน้องๆ เป็นอาหารตากันไป ส่วนน้องๆ ก็สนุกสนานกับการแปลงโฉมตัวเองจากสาวชาวกรุงเป็น สาวจาวเหนือ พี่ๆ ผู้ช่วยทันตแพทย์จากโรงพยาบาลน่าน ช่วยสร้างบรรยากาศโดยการแต่งตัวชุดพื้นเมืองเต็มยศ เพื่อมาบริการ น้ำสมุนไพรอุ่นๆ และของหวานเป็นเต้าส่วนที่อร่อยที่สุดในโลก ค่ะ

ที่จริงงานนี้เป็นระดับอินเตอร์ด้วยนะคะ เพราะมีทันตแพทย์จากประเทศลาวมาร่วมด้วยหนึ่งคน น่ารักซะด้วยสิ พูดไทยชัดมาก ชื่อ หมอวิไลจันทร์ มาจากเวียงจันทร์ค่ะ เขาเล่าว่าทันตแพทย์ที่ โน่น ได้เงินเดือนเป็นเงินไทยพันกว่าบาท แต่ชาวลาวเขาใช้ชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงแบบในหลวงของเรา จึงอยู่ได้สบายๆและมีเงินเหลือเก็บอีกต่างหาก ฟังแล้วอึ้ง ! ยังไงเนี่ย เขาเรียกว่าใกล้ เกลือกินด่างหรือเปล่า ก็ไม่รู้ ทันตแพทย์ที่ลาว ต้องใช้ทุนให้รัฐบาลฟรี ๆ สามปี (ตอนเรียนก็ต้องจ่าย นะจ๊ะ ไม่ใช่ไม่จ่าย) หมายความว่าสามปีนั้น ก็ต้องเกาะพ่อเกาะแม่กินไปก่อนค่ะ นึกถึง ประเทศเขาแล้ว ไทยเราสบายกว่าตั้งเยอะ ค่าเรียนก็ถูกๆ ใช้ทุนก็มีเงินให้ แถมนู่น แถมนี่อีกมากมาย ยังไม่ค่อยอยากจะใช้ทุนกันเลย ไม่รู้ว่าอยู่ที่คนหรืออยู่ที่ระบบ...เฮ้อ


วันรุ่งขึ้นเรามีทริปเที่ยวเท่ห์ๆ กับเสน่ห์เมืองน่านเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอีกทางด้วย มี 2 รายการให้เลือกนะคะ รายการแรกเป็นการขี่จักรยานชมเมืองน่าน ดูบรรยากาศของเมืองน่าน ยามเช้า งานนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายมากๆ เริ่มจาก นพ. ชาตรี เจริญศิริ อนุเคราะห์หนังสือประวัติเมืองน่านมาแจกพวกเรา โรงเรียนนันทบุรีวิทยา กรุณาให้ยืมจักรยานซึ่งได้รับ บริจาคมาจากจังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เป็นจักรยานมือสองนะคะ แต่ดูจากสภาพแล้วบ้านหนูเรียกมือหนึ่งค่ะ เขารักษาสภาพได้ดีมากๆ ทางญี่ปุ่นบริจาคด้วยใจจริงๆ ค่าส่งลงเรือเขาก็ เป็นฝ่ายออกเงินให้ ส่วนค่าขนขึ้นบกมาจังหวัดน่าน ก็ได้รับเงินบริจาคจากหน่วยงานและบุคคลต่างๆในจังหวัดน่าน ใครว่าโลกเราทุกวันนี้ไร้น้ำใจ ดูงานนี้เป็นตัวอย่างนะคะ

ทริปของเราได้รับเกียรติจาก นายแพทย์คณิต ตันติศิริวิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เป็นหัวหน้าแก๊งค์ขี่จักรยาน มีไกด์กิตติมศักดิ์คือ คุณสุรพงษ์ ประคัลภากร หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรม ฟื้นฟูของโรงพยาบาลน่าน มีมัคคุเทศก์น้อยจากโรงเรียนประถมมาให้ความรู้ มีประธานและสมาชิกชมรมจักรยานของจังหวัดน่านมาร่วมปั่นไปกับเราด้วย อื่ม..งานใหญ่จริงๆค่ะ นอกจากนี้เรา ยังได้รับโอกาสพิเศษจาก คุ้มเจ้าราชบุตร ให้เราได้เข้ารับชมพิพิธภัณฑ์มีชีวิต เนื่องจากท่านเจ้าของคุ้มคือ เจ้าสมปรารถนา ณ น่าน ยังคงใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในคุ้มนั่นเอง งานนี้ได้ทั้งเรียน ประวัติศาสตร์ ประเพณี พุทธศาสนา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว ได้ออกกำลังกาย แล้วเรายังมี quiz ด้วยนะคะ ใครตอบได้เราก็มีรางวัลให้ มางานนี้ ได้ทั้งสาระบันเทิง วิชาการและยังได้รางวัล กลับบ้านด้วยค่ะ


ส่วนอีกทริปหนึ่งคือล่องแก่ง อันนี้ก็บอกว่าเป็นที่ประทับใจสุดๆ เหมือนกัน ไปกันร่วม 40 ชีวิต 5 แพ งานนี้เปียกปอนไปตามๆ กัน ใครไม่ระวังตัวก็จะฟกช้ำดำเขียวบ้าง เนื่องจากหล่นจากแพ แถมงานนี้ยังมีมีการพิสูจน์ความกล้าโดยการให้กระโดดจากหน้าผาลงสู่น้ำเบื้องล่าง ซึ่งมีความสูงประมาณตึกสองชั้นชายชาติทหารอย่างหมอตั้มยังคิดแล้วคิดอีก แต่หมอยุ้ย หญิงสาวร่าง บางกลับขอกระโดดตั้งสองสามรอบ อย่างนี้เรียกว่าหญิงไทยใจกล้าหาญของจริง บางแพที่ไม่ได้มาโดดหน้าผา แต่ก็ได้ไปสปาโดยการหมักโคลน เรียกว่าได้พักผ่อน สนุกสนานแล้วยังได้ทำสวย อีกด้วย ถ้าใครพลาดโอกาสครั้งนี้ เตรียมพบกับงานวิชาการบันเทิง ในอีก 2 ปีข้างหน้าค่ะ
แล้วเจอกันนะคะ ...... ทพญ. สุรีรัตน์ สูงสว่าง รายงานค่ะ



0 ความคิดเห็น: