วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เรื่องเล่าจากภูอังลัง : บัตรสีชมพู...ใบนั้น


โดย หมอฟันไทยด่าน

เดือนสองเดือนก่อน พ่อแกบ่นว่าแกทำบัตรประจำตัวคนไข้หาย เป็นบัตรเล็กๆของโรงพยาบาลใหญ่ใกล้ๆบ้านแก ผมรับฟังรับปากไปตามเรื่อง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสไปทำให้แกใหม่เสียที คนไข้ ระดับชาวบ้านนี่กลัวนักกลัวหนานะครับกับการมาโรงพยาบาลโดยไม่มีบัตรติดตัว เพราะนั่นเป็นเงื่อนไขสำคัญในการถูกดุโดยไม่จำเป็น ประหนึ่งว่าทำผิดด้วยข้อหาร้ายแรง ไม่กี่วันหลังจากนั้น แกมีโอกาสไปทำธุระที่โรงพยาบาลแห่งนั้นพอดี ( โดยผมไปติดต่อนัดให้แก แจ้ง HN ที่ดูจากซองฟิล์มที่ยืมมานานแล้ว ทำให้แกไม่ต้องแสดงบัตร...รอดตัวไป )

หลังเสร็จธุระเรียบร้อย แกก็เดินไปติดต่อที่ OPD ขอทำบัตรใหม่ แต่ด้วยความงกๆเงิ่นๆหรืออาจพูดจาฟังความไม่รู้เรื่องตามประสาคนแก่บ้านนอก ทำให้แกโดนพยาบาล OPD ดุเอา แกเลยโมโห ไม่รอเอาบัตร แต่เมื่อมาคิดดูภายหลังแกก็คงไปผิดที่ เพราะถ้าเหตุการณ์นี้จะเกิดคนที่ควรดุแกก็ควรเป็นเจ้าหน้าที่ห้องบัตรมากกว่าพยาบาล OPD จะว่าไปก็เป็นเรื่องธรรมดา พวกคนแก่สื่อสาร กันไม่ค่อยเข้าใจ นี่ผมก็รำคาญอยู่บ่อยๆก่อนสิ้นปีผมไปประชุมที่สสจ. ประชุมเสร็จเลยแวะไปให้เขาทำบัตรให้พ่อไปไม่ถึงนาทีก็ได้ บัตรสีชมพู มา 1 ใบพร้อมรอยยิ้มละไมจากเจ้าหน้าที่ห้องบัตร (วันนั้นอาจบังเอิญผมมีสง่าราศีเป็นพิเศษหรือเพราะ บารมีเสื้อกาวน์ที่ใส่อยู่ก็ไม่รู้ได้ ) กลับบ้านเอาไปให้พ่อ แกก็เอาไปเก็บไว้อย่างดี

ไม่กี่วันมานี้ มีโอกาสต้องพาพ่อไปโรงพยาบาลแห่งนั้นอีก พ่อแกก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะตอบได้ว่า บัตรสีชมพู ใบสำคัญนั้นแกไปเก็บซ่อนไว้ตรงไหนเสียด้วย หรือด้วยความเร่งรีบเราก็อาจลืมนึก ถึงความสำคัญของมันไป การไปห้องบัตรวันนั้นในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อผ้าฝ้าย ชุดเก่งประจำทุกวันหยุดของผม เลยตามมาด้วยคำบ่นแกมดุมา 1 ชุดใหญ่พอให้เจ็บใจเล่น ไม่ได้โกรธหรอกครับ ขำเสียอีก ก็เพราะไอ้คนที่ทำหน้าบึ้งตึงใส่อยู่นั้น ก็เป็นคนเดียวกันที่ยิ้มแฉ่งบริการอย่างดีในวันที่ผมใส่เสื้อกาวน์ไป

สาเหตุที่คนไข้ (รวมทั้งญาติ) จะถูกดุก็คงเหมารวมได้ว่าการที่ไม่ยอมทำอะไรๆให้เป็นไปตามเงื่อนไขใน ความคาดหวังของเราผู้ให้บริการ เช่น กินยาตามที่บอก มาตรงตามเวลานัดเป๊ะๆ มีบัตร และหลักฐานให้ครบเวลามาติดต่อ ฯลฯ บางครั้งก็มีเหตุปัจจัยอยู่เบื้องหลังมากมายที่ไม่เอื้อให้เขาได้ปฏิบัติตามนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเปิดใจ ไถ่ถาม ค้นหาและสุดท้าย “เข้าใจ” มากน้อยเพียงใด ซึ่งถ้าเข้าใจมากพอ มันคงนำไปสู่การช่วยกันสร้างระบบที่เอื้อต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้รับ และผู้ให้บริการซึ่งถ้าติดตามข่าวสารกันอยู่บ้างก็คงรู้ๆกันอยู่ว่านับวันมันจะแย่ลงไปเรื่อยๆ

หลายๆคนคงตกผลึกหรือลึกซึ้งไปนานแล้วกับเรื่องอะไรแบบนี้ แต่ประสบการณ์เกือบ 10 ปีเต็มของผมเพิ่งบอกกับตัวเองแค่เพียงว่า คนที่มาโรงพยาบาลนี่เขาก็ทุกข์หนักมากอยู่แล้ว อะไรๆที่ จะช่วยเขาได้หรืออย่างน้อยไม่ซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้เขาอีก ก็น่าจะช่วยๆกัน


0 ความคิดเห็น: