วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การทำงานและชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างไร ภายใต้สถานการณ์ความไม่สงบ


โดย น้องพอเพียง จาก จ. ปัตตานี


ตลอดระยะเวลาหลายปีท่ามกลางเสียงปืนและข่าวร้ายชนิดวันต่อวัน ที่บางครั้งข่าวทางสื่อมีน้อยกว่าความเป็นจริง อาจเป็นเพราะต้องเสนอเฉพาะข่าวใหญ่ เป็นที่น่าสนใจเช่น ข่าวอดีตนายกเปลี่ยนไป เล่น ทำทีมฟุตบอล หากย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อนข่าว 3 จังหวัด แม้จะมีเพียงน้อยนิดแต่สื่อก็เขียนซะจนน่าหวาดกลัว แต่ตอนนี้ เหตุการณ์ในวันหนึ่งอาจมีมากมายจนชาชิน หากช่วงไหนเกิดเหตุน้อย คน 3 จังหวัดก็จะต้องระวังมากเป็นพิเศษเพราะ พวกนี้ไม่ใช่ “ โจรกระจอก ” มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน มีการพักศึก มีการทดสอบกำลัง ครบทั้งกระบวนการ PDCA หลายๆครั้งที่หลายเหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาเดียวกัน ไม่ใช่เขาใช้นาฬิการาคาแพงที่เดินเที่ยงตรงหรอก นัดกันตรงรายการวิทยุ คลื่นนี้รายการนี้ออกอากาศ ก็เริ่มสร้างสถานการณ์กันได้เลย


กิจวัตรประจำวันที่เปลี่ยนไป อย่างเวลากินข้าวตามร้านก็จะนั่งหันหน้าออกถนนเตรียมพร้อมเสมอ..... การขับขี่รถจะมองกระจกหลัง - กระจกข้างบ่อยยิ่งกว่ามองถนนซะอีก แต่ถ้ามีมอเตอร์ไซด์ตามมาขับ 90 กม./ชม.แม้ประหยัดแต่อาจจะไม่ปลอดภัย...ถ้าบนถนนที่ขับรถอยู่มีรถทหารแล่นอยู่ด้วย ไม่แซงก็ควรจอดก่อนเพราะบ่อยครั้งที่ระเบิดพลาดเป้า...เวลากลับบ้านพักต้องดูถังดับเพลิงหน้าบ้านว่ายังคงเป็นถังเดิมอยู่หรือเปล่า ใต้ท้องรถก็ต้องหมั่นดูแลสิ่งแปลกปลอมตรวจยิ่งกว่าน้ำกลั่น ลมยางซะอีก....



ชีวิตการทำงานก็เปลี่ยนไป กิจกรรมออกตรวจฟันที่โรงเรียนทำได้ยากขึ้น บางครั้งโรงเรียนก็ประกาศปิดกระทันหัน บางครั้งเจ้าหน้าที่ก็ไม่มั่นใจที่จะออกหน่วย การออก PCU ยกเลิกไปอย่างไม่มีกำหนด ยิ่งมีเหตุการณ์ยิงเจ้าหน้าที่อนามัยบนสถานีอนามัย ยิ่งทำให้ไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะไม่ใช่เป้าหมายต่อไป โรงพยาบาลก็ต้องทำ HA โดยงาน RM ซึ่งแต่ก่อนทำเรื่องแผนรองรับอัคคีภัย ก็ต้องปรับเป็นแผนเผชิญเหตุแทน ไม่ว่าจะเป็น เมื่อถูกขู่วางระเบิด,เมื่อถูก


จับเป็นตัวประกัน,เมื่อพบวัตถุต้องสงสัย,เมื่อถูกปิดล้อม รวมถึงการอพยพ และเมื่อดูตาม competency แล้วทางโรงพยาบาล จำเป็นใส่หลักสูตรการยิงปืนให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน หลายๆคนมองว่าเศรษฐกิจในพื้นที่น่าจะแย่ก็อาจจะถูกในบางส่วน แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่เปิดจองปืนกันเป็นว่าเล่น เสื้อเกราะก็มาคู่กัน ได้ข่าวว่าจะมีบาตรพระจีวรเกราะ รวมถึงหมวกกันน๊อกแบบกันกระสุนด้วย รถยนต์เป็นอีกอย่างที่ขายดีมาก อย่างน้อยก็อุ่นใจกว่าเหมือนมีอะไรมากำบัง หรือถ้าโดนยิงตายเลือดก็ไม่เลอะเปื้อนถนน ธุรกิจโรงแรมที่อื่นไม่ทราบ แต่ที่ปัตตานีรุ่งมากผู้หลักผู้ใหญ่แวะเวียนกันมาเกือบทุกวัน นักข่าวปักหลักทำข่าวเป็นเดือน และเรียนด้วยความเคารพ ธุรกิจหลังความตายไม่ว่าโลงศพ พวงหรีด สั่งกันไม่เว้นแต่ละวันยิ่งพวงหรีดที่มาจากผู้หลักผู้ใหญ่ยิ่งต้องราคาสูงมาก….


ท้ายสุดขอทิ้งท้ายด้วยคำพูดจาก อาจารย์ นายแพทย์ ธาดา ยิบอินซอย ได้บอกพวกเราไว้ว่า ..... “ อย่าคิดว่าพวกเธอที่ทำงานอยู่ 3 จังหวัดเป็นผู้เสียสละ เพราะเรารู้สึกว่าต้องได้อะไรกลับมาจากความเสียสละ แต่ที่พวกเธอทำงานอยู่เป็นหน้าที่ ที่ต้องยึดตามคำของพระบิดาที่ให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ” ใช่...มันเป็นหน้าที่ที่น่าภูมิใจยิ่งของพวกเราทั้งหลาย รักเธอแผ่นดินนี้ 3 จังหวัดชายแดนใต้


0 ความคิดเห็น: