
ผลงานวิจัยเรื่อง “ ประสิทธิผลของการทาฟลูออไรด์วาร์นิช โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการป้องกันโรคฟันผุในเด็กเล็ก ”
โดย ทันตแพทย์หญิง ขนิษฐา ดาโรจน์
ทันตภูธรมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสเผยแพร่ ผลงานด้านส่งเสริมทันตสุขภาพที่ได้รับรางวัลระดับประเทศ 3 รางวัล จากผลงานการส่งเสริมทันตสุขภาพและป้องกันโรคฟันผุในเด็กเล็ก คือ ปี 2547 ได้รับรางวัลผลงานนวัตกรรมหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ดีเด่น ด้านส่งเสริมสุขภาพ ระดับบรอนซ์ ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จากโครงการป้องกันโรคฟันผุในคลินิกเด็กดี อ.พนา จ.อำนาจเจริญ , ปี 2548 ได้รับรางวัลผลงานวิชาการดีเด่น ในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 13/2548 จากผลงานวิจัยเรื่อง “ ประสิทธิผลของการทาฟลูออไรด์วาร์นิชโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในการป้องกันโรคฟันผุในเด็กเล็ก ” อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี และจากผลงานวิจัยดังกล่าว ได้รับคัดเลือกเป็นผลงานวิจัยยอดเยี่ยม ในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 14/2549 ปี 2549 ซึ่งมีผลงานวิชาการเข้าร่วมนำเสนอจากทุกสาขาวิชาชีพด้านสาธารณสุขทั่วประเทศจำนวนมากกว่า 700 เรื่อง และเข้ารับรางวัลในวันที่ 4 กันยายน 2549 ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลส กรุงเทพฯ
ทันตภูธรมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสเผยแพร่ ผลงานด้านส่งเสริมทันตสุขภาพที่ได้รับรางวัลระดับประเทศ 3 รางวัล จากผลงานการส่งเสริมทันตสุขภาพและป้องกันโรคฟันผุในเด็กเล็ก คือ ปี 2547 ได้รับรางวัลผลงานนวัตกรรมหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ดีเด่น ด้านส่งเสริมสุขภาพ ระดับบรอนซ์ ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จากโครงการป้องกันโรคฟันผุในคลินิกเด็กดี อ.พนา จ.อำนาจเจริญ , ปี 2548 ได้รับรางวัลผลงานวิชาการดีเด่น ในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 13/2548 จากผลงานวิจัยเรื่อง “ ประสิทธิผลของการทาฟลูออไรด์วาร์นิชโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในการป้องกันโรคฟันผุในเด็กเล็ก ” อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี และจากผลงานวิจัยดังกล่าว ได้รับคัดเลือกเป็นผลงานวิจัยยอดเยี่ยม ในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 14/2549 ปี 2549 ซึ่งมีผลงานวิชาการเข้าร่วมนำเสนอจากทุกสาขาวิชาชีพด้านสาธารณสุขทั่วประเทศจำนวนมากกว่า 700 เรื่อง และเข้ารับรางวัลในวันที่ 4 กันยายน 2549 ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลส กรุงเทพฯ
ผู้วิจัยเจ้าของรางวัลดังกล่าวข้างต้นคือ ทพญ.ขนิษฐา ดาโรจน์ ปัจจุบันรับราชการในตำแหน่งทันตแพทย์ 8 กลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้มีความสนใจการทำงานด้านการป้องกันโรคฟันผุในเด็กมาโดยตลอด ได้จัดทำโครงการด้านการส่งเสริมทันตสุขภาพและป้องกันโรคฟันผุในเด็กหลายโครงการ และผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลนี้ ดำเนินการในปี 2543-2544 ที่ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี โดยได้รับทุนสนับสนุนวิจัยจาก ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ต่อมาได้นำความรู้จากงานวิจัยดังกล่าว มาจัดทำโครงการเพื่อส่งเสริมทันตสุขภาพในเด็ก ที่ อ.พนา จ.อำนาจเจริญ คือ “โครงการป้องกันโรคฟันผุในเด็กในคลินิกเด็กดีโดยใช้ฟลูออไรด์วาร์นิช” ในปี 2545 – 2547 ซึ่งผลสัมฤทธิ์ของโครงการในเวลา 2 ปี พบว่า เด็กอายุ 3 ขวบ ในอำเภอพนา เป็นโรคฟันผุลดลงจาก 80% เป็น 67% ทำให้ผลงานดังกล่าวได้รับรางวัลผลงานนวัตกรรมฯ ดีเด่น ด้านส่งเสริมสุขภาพ จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในปี 2547 ดังกล่าวมาแล้ว

สรุปสาระสำคัญของงานวิจัยเรื่อง “ ประสิทธิผลของการทาฟลูออไรด์วาร์นิชโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในการป้องกันโรคฟันผุในเด็กเล็ก ”
ความสำคัญของปัญหา : ฟันผุในเด็กพบได้ตั้งแต่ฟันซี่แรกงอกขึ้นมาในช่องปาก เมื่อเด็กอายุประมาณ 6-7 เดือน หมายความว่าเมื่อฟันซี่แรกในชีวิตงอกขึ้นมาก็ผุเลย ซึ่งไม่ควรเป็นเช่นนั้น เด็กในวัย 0-2ปีไม่สามารถดูแลตัวเองได้ดี แปรงฟันเองไม่เป็น ขณะเดียวกันพ่อแม่ก็ไม่สามารถดูแลเด็กได้ด้วย จึงได้พยายามคิดหาวิธีการที่จะช่วยป้องกันฟันผุในเด็กเล็กอย่างไม่ซับซ้อน เพราะถ้าฟันน้ำนมผุมากตั้งแต่ยังอายุน้อยจะส่งผลให้ฟันแท้มีโอกาสผุได้มากขึ้น การรักษาโรคฟันผุในเด็กเป็นงานที่ยุ่งยาก อาจเกิดอันตรายแก่เด็กได้ง่าย และเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง นอกจากนี้โรคฟันผุยังทำให้เด็กมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าปกติอีกด้วย
วัตถุประสงค์ : เพื่อประเมินประสิทธิผลการป้องกันโรคฟันผุของการทาฟลูออไรด์วาร์นิชในเด็ก อายุ 9-18 เดือน เพื่อหาช่วงอายุและความถี่ที่เหมาะสมในการทา

วิธีการศึกษา :ให้เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยเป็นผู้ทา ฟลูออไรด์วาร์นิชที่ใช้คือ Duraphat (ดูราแฟต) ลักษณะเป็นยางเหนียวมีความเข้มข้นของฟลูออไรด์ 2.26% โดยน้ำหนัก เป็นการวิจัยเชิงทดลองโดยการสุ่ม ผู้เข้าร่วมทดลองเป็นเด็กอายุระหว่าง 8 ถึง 10 เดือน (อายุเฉลี่ย 9.4เดือน) จำนวน 120 คน ในอำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
เข้าสู่การทดลองด้วยวิธีสุ่มชุดการทดลองเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 40 คน คือ
กลุ่มที่ 1 ทาด้วยฟลูออไรด์วาร์นิชทุก 3 เดือน เมื่ออายุ 9, 12 ,15 และ 18 เดือน
กลุ่มที่ 2 ทาด้วยฟลูออไรด์วาร์นิชเมื่ออายุ 9 และ 18 เดือน ทาด้วยน้ำเปล่าเมื่ออายุ 12 และ 15 เดือน
กลุ่มที่ 3 ทาด้วยน้ำเปล่าเมื่อเด็กอายุ 9, 12 และ 15 เดือน ทาฟลูออไรด์วาร์นิชเมื่ออายุ 18 เดือนติดตามผลในเวลา 9 เดือน
โดยวัดการเกิดโรคฟันผุแบบเป็นรูและไม่เป็นรูเมื่อเด็กอายุ 9,12,15 และ18 เดือน

ผู้ตรวจเป็นทันตแพทย์ที่ได้รับการปรับมาตรฐาน และเป็นคนเดียวกันตลอดการทดลอง ใช้กระจกส่องปากเพียงอย่างเดียวช่วยในการตรวจ ทุกกลุ่มได้รับการฟลูออไรด์วาร์นิช เมื่อสิ้นสุดการทดลองที่อายุ 18 เดือน
ผลการศึกษา : เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนอัตราอุบัติการการเกิดฟันผุ โดยควบคุมผลกระทบจากจำนวนฟันที่งอก ฟันผุเริ่มต้น อายุ คราบจุลินทรีย์ พฤติกรรมการเลี้ยงดู ผู้ทาที่ไม่ใช่คนเดียวกัน และปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องพบว่า
# ถ้านับรวมฟันผุแบบเป็นรูและไม่เป็นรู พบว่ากลุ่มทาน้ำเปล่าและกลุ่มทาครั้งเดียวมีสัดส่วนอัตรา อุบัติการเด็กฟันผุ มากกว่า กลุ่มทาทุก 3 เดือน 1.6 เท่า
# ถ้านับเฉพาะแบบเป็นรูสัดส่วนพบว่า กลุ่มทาน้ำเปล่าและกลุ่มทาครั้งเดียวมีสัดส่วนอัตราอุบัติการด้านฟันผุมากกว่า กลุ่มทาทุก 3 เดือน 4.6 เท่า
# และเมื่อนับฟันผุรวมแบบเป็นรูและไม่เป็นรูสัดส่วนอัตราอุบัติการการเกิดโรคฟันผุในกลุ่มทาครั้งเดียวไม่แตกต่างจากกลุ่มทาน้ำเปล่าทั้งด้านฟันผุ ,ซี่ฟันผุ ,และเด็กฟันผุ
สรุป : การทาฟลูออไรด์วาร์นิช ทุก 3 เดือน ที่อายุเฉลี่ย 9, 12, 15 เดือน
ลดอัตราอุบัติการการเกิดคนฟันผุในเด็กอายุ 18 เดือน ได้ 1.6 เท่า (ประมาณ 60 %)

ฟลูออไรด์วาร์นิช จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอีกทางหนึ่งในการป้องกันโรคฟันผุในเด็กเล็ก ทั้งในระดับบุคคลและระดับชุมชน เพราะสามารถหยุดยั้งการลุกลามของโรคฟันผุได้ดี วิธีใช้ง่ายทำให้ไม่จำเป็นต้องเป็นทันตบุคลากรเท่านั้นเป็นผู้ทา มีความปลอดภัยสูง ต้องการความร่วมมือจากผู้ป่วยน้อย ทำให้เหมาะกับการนำมาใช้ในเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และให้ความร่วมมือได้น้อย ปัจจุบันยังไม่มีมาตรการอื่นที่เหมาะสมและสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับการทาฟลูออไรด์วาร์นิชในการป้องกันโรคฟันผุในเด็กเล็ก

โครงการป้องกันโรคฟันผุในคลินิกเด็กดี อ. พนา จ. อำนาจเจริญ พ.ศ. 2545-2547
@ ดำเนินงานในสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งในอำเภอพนา โดยผู้รับผิดชอบงานอนามัยแม่และเด็กเป็นผู้ทาฟลูออไรด์วาร์นิชให้แก่เด็กที่มารับวัคซีนในคลินิกเด็กดี ร่วมไปกับงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เริ่มทาเมื่ออายุ 9 เดือน และทาซ้ำเมื่ออายุ 12,15,18,24,30 และ 36 เดือน สอดคล้องกับการมารับวัคซีน การงอกของฟันและระยะเวลาการคงอยู่ในเคลือบฟันของฟลูออไรด์
@ มีการลงบันทึกข้อมูลและนัดหมายติดตามในสมุดสีชมพูประจำตัวเด็ก เพื่อให้เด็กสามารถใช้สมุดสีชมพูเป็นสื่อกลางนำไปรับบริการตามกำหนดได้ที่สถานบริการใกล้บ้านทุกแห่งเมื่อมีการย้ายถิ่นฐาน

วิธีการทาฟลูออไรด์วาร์นิช :
ให้ผู้ปกครองอุ้มเด็กหันหน้ามาทางผู้ทาเปิดริมฝีปากเด็กให้เห็นฟันชัดเจน เช็ดฟันทุกซี่ให้แห้งและสะอาดด้วยผ้าก๊อซขนาด 2x2 ซม. ใช้พู่กันแตะฟลูออไรด์วาร์นิชทาขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ ลงบนผิวฟันทุกด้านทุกซี่ให้ทั่ว ทั้งด้านนอก ด้านใน ซอกฟัน คอฟันและปลายฟัน ระมัดระวังไม่ทาโดนเหงือก เปิดปากทิ้งไว้สักครู่ให้ฟันแห้ง ฟลูออไรด์วาร์นิชจะแห้งเหนียวติดฟันเป็นสีเหลืองอ่อนและจะหายไปเองภายใน 2 – 3 วัน
คำแนะนำหลังทาฟลูออไรด์วาร์นิช :
1 แนะนำไม่ให้เด็กบ้วนปาก หรือรับประทานสิ่งใดภายใน 1 ชั่วโมงหลังการทา
2 ไม่แปรงฟันในวันที่ทาฟลูออไรด์วาร์นิช และแปรงฟันตามปกติในวันถัดไป
3 ไม่ต้องแปรงคราบสีเหลืองที่ติดฟันออก คราบสีเหลืองจะหายไปเองภายใน 2 - 3 วัน
4 ถ้ามีระคายเคืองหรืออาการแพ้ให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่ามากๆ ถ้าไม่ดีขึ้นให้พาเด็กไปพบแพทย์
ข้อควรระวังในการทาฟลูออไรด์วาร์นิช :
1 ไม่ทาในเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้รุนแรง
2 ไม่ทาในเด็กที่มีอาการเหงือกอักเสบหรือเลือดออกมาก
3 ขณะทาระมัดระวังไม่ทาโดนเหงือก
เพียงเท่านี้ก็มีโอกาสช่วยลดการเกิดฟันผุในเด็กได้ถึง 60 % หรือมากกว่า

0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น