ณ ศูนย์ฝึกอบรมข้าราชการกรุงเทพมหานคร หนองจอก
โดย ทพ.พูลพฤกษ์ โสภารัตน์
สัปดาห์นี้พวกเราซึ่งมาจากต่างถิ่นต่างแดน ไกลสุดจากใต้ก็สงขลา เหนือสุดก็เชียงราย แต่คิดว่าทุกคนที่มาคงมาด้วยความรู้สึกบางอย่างลึกๆในใจ...การอบรม “งานพลังกลุ่มและความสุข”
อย่างที่คุ้นเคยกัน ในการอบรม ต้องมีการแนะนำตัวเองกันก่อน สำหรับการอบรมครั้งนี้เริ่มต้นในห้องก็เป็นบรรยากาศที่แสนสบาย นั่งบนพื้นเป็นวงกลมโดยไม่มีวัตถุใดๆมากั้นระหว่างพวกเรา การแนะนำตัวของแต่ละคนไม่ได้บอกเฉพาะชื่อเพื่อให้เรียกขาน แต่ละคนได้บอกถึงตัวตน บอกถึงจุดมุ่งหมายในการมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ บอกตรงๆ คิดว่าทุกคนมาคงไม่น่าจะรู้ว่ามาทำอะไร รู้แต่ว่าได้มารู้จักคนที่มีความคิดคล้ายๆ กัน นอกจากการที่มาต่างทิศกันแล้ว ยังต่างบริบทของการเป็นทันตแพทย์ด้วย
โดยมีตั้งแต่เป็นพี่ที่เป็น หมอ Maxillofacial, พี่ที่อยู่สสจ. (ประธานชมรมของเรา อาวุโสสุด แต่ได้ถอดความเป็นผู้ใหญ่อายุเยอะออกไป เลยเพียงลักษณะของพี่ใหญ่ใจดี น้องๆ ถึงไหน พี่ถึงนั่น) เรื่อยไปจนถึงน้องใหม่ที่เพิ่งจบ นอกจากนี้ยังมีมาจากมหาวิทยาลัย คือ จากมช. และมน. แถมยังมีตัวแทนจากทันตแพทย์เอกชนเข้าร่วมด้วย นับรวมๆ ได้ก็ประมาณ 30 กว่าคน...ใช้เวลาไปพอควร แต่ต่างคนต่างก็คงจะคงจะไม่ทันรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเท่าไรเพราะคงกำลังสนุกอยู่กับการได้รู้จักกัน
หลังทานอาหารว่างเสร็จ สัก 11 โมงกว่าๆ ก็เข้าสู่กิจกรรม “ตบมือเรียกชื่อ” ฟังดูก็เหมือนเป็นอะไรที่น่าจะทำได้อย่างสบาย พอเล่นจริง ก็สับสนเหมือนกัน แค่ “เคาะเข่า ตบมือ ดีดนิ้ว แล้วค่อยเรียกชื่อเพื่อน” ก็ผ่านไปด้วยความสนุกสนานจากนั้นก็ต่อด้วยกิจกรรม “เป็ด” โดยแต่ละคนจะยืนบนเบาะและจะมีเบาะว่างอยู่หนึ่งใบ กติกาง่ายๆ คือทำยังไรก็ได้ไม่ให้เป็ดไปอยู่บนเบาะได้ซึ่งต้องพยายามทำให้ได้นานที่สุด โดยห้ามโดนตัวเป็ด และห้ามเคลื่อนย้ายเบาะคิดตามก็คงไม่น่าจะยากใช่ไหมครับ ก่อนเล่นเราได้มีการวางแผนกัน เสนอรูปแบบต่างๆ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ก็อยากจะลองดู เล่นไปได้กัน 10 กว่ารอบปรากฏว่า ทีมเราทำได้นานสุด 33 วินาที (ไม่ได้พิมพ์ผิดนะครับ วินาทีจริงๆ วิทยากรบอกว่าอบรมที่อื่นนานถึง 5 นาที หรือจนเป็ดยอมแพ้เลยก็มี) ไม่รู้ว่าทำไมทั้งๆ ที่ก็ว่าวางแผนกันดีแล้วนะ หรือว่าแต่ละคนไม่เข้าใจจริง ไม่ได้สนใจอะไรมาก คิดว่าเป็นแค่เกมส์ (หรือว่าเรายังใหม่กันอยู่ ก็น่าคิดนะ)
เล่นเสร็จพร้อมความหิวที่มาเยือนสำหรับมื้อกลางวันที่ทานกันก็ใกล้บ่ายแล้วกิจกรรม “ข้ามแม่น้ำพิษ” คราวนี้ยากขึ้น ซับซ้อนมากกว่าเดิม โดยเราทั้งหมดประมาณ 25 คนต้องเดินผ่านเส้นทางที่เป็นรูปตัว U ซึ่งมีเพียงหิน (กระดาษขนาด A4) ทั้งหมด 13 ก้อน เป็นพื้นที่ให้เราต้องใช่ในการข้ามไปสู่อีกฝั่งให้ได้ ก้อนหินสามารถเคลื่อนได้ แต่ต้องให้ส่วนของเราสัมผัสตลอด ยากจัง!!! ทำได้ไงวะเนี่ย คนตั้ง 25 คนกับก้อนหิน 13 ก้อน เราก็มานั่งคุยกันวางแผนกันอีก ครั้งนี้มีการแบ่งเป็นกลุ่มๆในการวางแผน แต่ละกลุ่มต่างก็คิดกันต่างๆนานา ลองคิดลองทำดู ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เอ๊ะตัวเลขสองชุดนี้มันสัมพันธ์กันแปลกๆ ว่าไหม
ใช้เวลาไปประมาณ ครึ่งชั่วโมงนิดๆ ก็ได้มารวมกลุ่มแล้วก็ได้ลองวิธีแรก ทำเป็นตาข่ายมนุษย์แล้วให้เดินผ่านไป... ไม่ได้ผลครับ แล้วเราก็ได้เปลี่ยนวิธีใหม่ คือให้จับเป็นคู่ๆ ไป แล้วเลื่อนหินก้อนที่ว่างอยู่ไปพร้อมๆกัน คราวนี้ดีขึ้นและก็ด้วยวิธีนี้แหละทำให้เราสามารถผ่านภารกิจนี้ไปได้คงเป็นเพราะทีมเราเริ่มสนิทกัน ความเชื่อใจกันก็ค่อยๆเกิดขึ้น ทำให้เราฟัง และยอมรับมากขึ้น (ฟังด้วยใจ ไม่ใช่ฟังแต่หู) ภารกิจครั้งนี้เลยผ่านไปได้ด้วยนี้ แม้ว่าจะมีการผิดพลาดช่วงท้าย แต่เราก็พร้อมที่จะทำกันใหม่อีกครั้ง จริงๆแล้วคงไม่ใช่เรื่องง่ายใช่ไหมที่เราจะฟังใคร
ยิ่งโดยเฉพาะการที่เราเป็นหมอคนหนึ่งในโรงพยาบาล แต่เชื่อไหมครับ หากเราลองเปิดใจเรา จะรู้ว่ามีเสียงเล็กๆ และอาจเป็นคำแนะนำดีๆ ให้เราในยามที่เราคิดอะไรไม่ออกก็ได้นะครับ เนื่องจากคำคืนนี้ เรามีกิจกรรมภาคกลางคืนต่อพร้อมกับโปรแกรม วันแดงเดือดที่มาพร้อมๆ กันพอดี เพื่อให้การอบรมครั้งนี้เป็นไปตามชื่อ คือ ความสุข เราจะกระชับเวลาเพื่อให้คนดูบอลทั้งหลายได้ไปดูบอล และให้คนอื่นได้พักอย่างเต็มอิ่มหลังจากการเดินทาง(ขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ ถึงแม้หงษ์จะแพ้ แต่ก็ดีใจที่ได้ดู ฟุตบอลแพ้-ชนะนั้นมาที่หลังบรรยากาศของพี่ๆ น้องๆ ที่ได้ร่วมดูด้วยกันสำคัญกว่า) ...กว่าบอลจะจบทั้งสองคู่ กลับมาถึงก็หลับเป็นตายไปเลย....
เช้าๆอีกวันซักพักเราก็มาที่ห้องประชุมด้วยบรรยากาศคล้ายๆ เดิมคือนั่งเป็นวงกลม แต่คราวนี้มีการนั่งสมาธิก่อนประมาณ 20 นาที ง่ายๆ เลย คือให้กำหนดลมหายใจไว้ที่ปลายจมูก เพื่อไม่ให้จิตล่องลอยไปไกล เสร็จจากการนั่งสมาธิ เราก็เริ่มเข้าสู่กิจกรรม “ สัตว์ทั้ง 4 ทิศ ” เป็นการทำความรู้จักตัวของเราเองว่าเราเป็นลักษณะแบบไหนมากกว่า หรือแก่นจริงๆ ของเราเป็นแบบไหน ซึ่งได้แก่ กระทิง หนู หมี และเหยี่ยว
- ทิศเหนือ เป็นกระทิง ข้อเด่น บุกตะลุย กล้าได้กล้าเสีย ลงมือทำ ไม่ลังเล เชื่อมั่นในตัวเองสูง ทำอะไรรวดเร็ว รักความท้าทาย ตัวสินใจเร็วและเด็ดขาด ข้อด้อย ใจร้อน ขาดความรอบคอบ เอาชนะ ถือตนเป็นใหญ่หงุดหงิดง่าย
- ทิศใต้ เป็นหนู ข้อเด่น ใส่ใจความรู้สึกของคน ช่วยเหลือผู้อื่น รับฟัง ให้กำลังใจ เป็นที่พึ่งที่พักพิง มองโลกในแง่ดี ข้อด้อย ขี้เกรงใจ ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจ ไม่ยืนยันสิทธิของตน ไม่กล้าปฏิเสธ ไม่มั่นใจในตนเอง ไม่ชอบนำ
-ทิศตะวันตก เป็นหมี ข้อเด่น ใฝ่รู้ ชอบเก็บข้อมูล วางแผนลงรายละเอียด มีหลักการ - ขั้นตอน สุขุม รอบคอบ นักวิเคราะห์ ยึดตรรกะ/ ความเหมาะสม ข้อด้อย เอาแต่เหตุผลของตัวเอง เชื่อหรือยอมรับผู้อื่นยาก ปรับตัวยาก
-ทิศตะวันออก เป็นนกเหยี่ยว ข้อเด่น มีความคิดสร้างสรรค์ คิดเร็ว มีจินตนาการ มีโครงการใหม่ๆเสมอ ข้อด้อย เบื่อง่าย คิดมากแต่ไม่ค่อยทำ ไม่ค่อยจริงจัง สมาธิสั้น ขาดความอดทนรอบคอบ ไม่อยู่กับปัจจุบัน
หลังจากใช้เวลาค่อนข้างนาน คงเป็นเพราะต้องการให้เรารู้ว่าลักษณะเด่นและข้อบกพร่องของแต่ละชนิดเป็นอย่างไร ฟังไปคิดว่าทุกคนคงรู้สึกคล้ายๆกัน รู้สึกว่าเรามีทุกอย่างปนกันไปหมดเลย (เป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่าเนี่ย) ก็คงมีทั้งถูกและผิดปนกันแหละครับ พอจะอธิบายได้ว่า เราทุกคนมีลักษณะของสัตว์ทุกชนิดในตัวเอง โดยขึ้นอยู่กับหลายๆอย่าง ตั้งแต่ คนรอบข้าง ครอบครัว การเรียนรู้ ประสบการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เราเติบโตมาถึงทุกวันนี้ แต่ยังไงก็ตามเราจะมีลักษณะเฉพาะตัวที่เป็นแก่นของตัวเรา พูดง่ายๆ คือ สิ่งที่เป็นตัวเรา แสดงออกถึงความเป็นตัวเราจากข้างใน ไม่ได้เกิดจากการบังคับ
จากนั้นเราแยกเข้ากลุ่มตามที่เราคิดว่าเป็นแบบเดียวกัน และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนในแต่ละกลุ่มย่อย ก็พอทำให้เราได้เห็นลักษณะของแต่ละคนได้ชัดขึ้น (มีเพื่อนๆ ในกลุ่มเป็นเหมือนกระจกเงา) แล้วเราก็มาเข้าสู่กลุ่มใหญ่ แล้วให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มเล่าลักษณะของสัตว์แต่ละชนิดที่เราเป็นหลังจากพักรับประทานอาหารเย็นกันอย่างรวดเร็ว พวกเราได้นัดกันจะคุยกันถึงแนวทางต่อไปของชมรมทันตภูธร ประมาณเกือบ 4 ทุ่มเราก็มารวมกันอย่างพร้อมหน้าโดยที่ไม่มีการบังคับ ทั้งๆ ที่ก็เหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมมาทั้งวัน แถมอากาศก็ร้อนอบอ้าว การพูดคุยแลกเปลี่ยนดำเนินการไปอย่างเข้มข้น ซึ่งสาระสำคัญอยู่ที่ “เราต่างมีความเห็นตรงกัน หรือมีความอยากในการที่จะทำบางสิ่ง บางอย่างเพื่อประชาชน เพื่อวิชาชีพ และเพื่อพี่น้องของเรา”
โดยประเด็นที่มีการพูดคุยกันมากๆ ก็จะเป็น จุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ซึ่งก็พอจะสรุปได้ดังนี้
• เป็นสื่อกลางของทันตบุคลากรทั้งทันตแพทย์ ทันตาภิบาลและผู้ช่วยทันตแพทย์ และเป็นตัวแทนของ ทันตบุคลากรเพื่อเชื่อมโยงประสานงานกับเครือข่ายอื่นๆ
• ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในด้าน ทันตกรรมและทันตสาธารณสุข ครอบคลุมทุกมิติของสุขภาพ
• เป็นเวทีจิตอาสาให้ทันตบุคลากร เข้าร่วมทำกิจกรรม สาธารณะประโยชน์
• สื่อสารข้อมูลและตอบแทนสังคม การพูดคุยดำเนินไปเรื่อย โดยที่ไม่มีเรื่องของเวลาเข้ามาเป็นข้อจำกัด ไม่มีข้อบังคับใดๆ ใครไม่ไหวก็กลับไปหลับนอนกันก่อน (ส่วนใหญ่ก็อยู่กันจนถึง เกือบตี1) ..คงเป็นเพราะบรรยากาศของการเป็นพวกเดียวกันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และ
ที่สำคัญ คือ บรรยากาศของการได้พูดคุย โดยที่ต่างคนต่างก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนสำคัญของทีม ที่ทำให้เราคุยกันไปเรื่อยๆ โดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่า สิ่งที่ได้ในช่วงที่เราได้ถอดภาระหน้าที่ การทำงานออก ช่วงเวลาแห่งการเป็นเด็กกลับมาสู่พวกเราอีกครั้ง จินตนาการสำหรับสิ่งใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาแบบนี้แหละครับ ( ผมเชื่อเหมือนไอน์สไตนว่า จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้ ) หันมาดูเวลาอีกที เกือบตี 4 แล้ว.... คิดว่าทุกคนคงหลับไปพร้อมกับความฝันที่อยากทำอะไรดีๆ ในนาม ชมรมของเรา
เช้าวันใหม่ มาเยือน คงเป็นวันสุดท้ายแล้วซินะ ก็เริ่มกิจกรรม ด้วยการนั่งสมาธิเหมือนเดิม (เคลิ้มๆเหมือนทุกๆวัน) กิจกรรมของวันนี้ “ตัวต่อมหาสนุก” มีโจทย์ง่ายๆ “ ให้แต่ละทีมต่อตัวต่อให้เหมือนรูปแบบทุกอย่าง ทั้งสีและตำแหน่ง ภายในเวลา 45 นาที ” ความยากมันอยู่ที่ คนเห็นไม่ใช่เป็นคนต่อ คนได้ยินก็ไม่ใช่คนต่อ คนต่อไม่เห็นได้แต่รับฟัง (น่าจะงงกันนะ)ก็ประมาณนี้ครับ
...ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ที่เวลาดำเนินไป แต่ละทีมต่างก็เล่นเกมส์ตัวต่อกันไปตามแผนการของใครของมัน เข้าใจบ้าง งงบ้าง ... สุดท้ายก็ทำสำเร็จ ผลสรุปของเกมส์ คือ ทำถูกทั้งหมดเพียงกลุ่มเดียว กลุ่มอื่นก็ผิดคนละที่สองที่ .. โดยสรุปกิจกรรมนี้ จำลองการทำงานเป็นทีม ซึ่งต่อจากการที่เราได้รู้ตัวตนของเราแล้ว เมื่อเราต้องไปทำงานกับคนอื่นจะเป็นอย่างไร และการทำงานเป็นทีม เราได้เรียนรู้จากจุดแข็ง และจุดอ่อนของทีมเราอย่างไรบ้าง เมื่อเกิดความผิดพลาด เรามองความผิดพลาดกันในแง่ไหน....
โดยเฉพาะในประเด็นของความผิดพลาด หากเกิดขึ้นใจเรากำลังมองหาผู้ทำผิด หรือ กำลังมองหาว่าระบบงานของเราไม่เหมาะสมหรือเปล่า ( ต้องถามใจกันดูเองนะครับ ) ...แต่หากเราได้มีการพัฒนา ยอมรับ เปิดใจ (ไม่ใช่เปิดเฉพาะแต่ปากที่พูดนะครับ ) ผมยอมรับและเชื่อว่าการทำงานเป็นทีมต้องใช้ใจในการทำงานเป็นหลัก ใจที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างหากเกิดปัญหา ใจที่พร้อมจะยินดีประสบความสำเร็จ และอีกหนึ่งสิ่งคือ เราเชื่อกันไหมว่า มนุษย์เราสามารถพัฒนาตนเองได้อยู่อย่างสม่ำเสมอ ถ้าเราเปิดใจให้มีการอยากเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ ...ลองคิดอะไรนอกกรอบดูบ้างครับ
ช่วงสุดท้ายก็เป็นการสรุปกิจกรรมทั้งหมด ทุกคนแทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สนุกและได้อะไรมากมาย เราทุกคนล้วนมีความแตกต่างกัน มันอยู่ที่มุมมอง และการทำความเข้าใจของเรา ท้ายสุดก่อนแยกย้ายกัน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะยังคงมีให้กันก่อนที่เราต้องแยกย้ายกลับภูมิลำเนา คงเป็นเพราะเราได้รู้จักตนเองมาขึ้น ได้รู้จักเพื่อนๆ และที่สำคัญการความรู้สึกที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น นั่นก็คือเราเป็นครอบครัวเดียวกัน... “ชมรมทันตสาธารณสุขภูธร”
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น