วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

จุดประกายความคิด : ไม่ต้องกลัวแก่ เปิดแขนอ้ารับมัน


โดย ทพญ. มัทนา พฤกษาพงษ์



จำได้ว่าตอนอยู่ ป.3 ป.4 เคยคิดว่า พี่ป.6 โตจัง พออยู่ม.1 ก็คิดว่า โห...พี่ม.6 นี่ดูเป็นผู้ใหญ่มาก แต่พอเราโต มาอยู่นะจุดนั้นจริงๆก็ไม่ได้รู้สึกว่าโตเตออะไรซักเท่าไหร่ เวลาเรามองผู้สูงอายุ เราก็คิดว่า ผู้สูงอายุก็คือผู้สูงอายุ แต่จริงๆแล้วเมื่ออยู่นะจุดนั้นจริงๆ เราจะรู้สึกว่าเรา โต๊โต เป็นผู้เฒ่าผู้ใหญ่ หรือว่ารู้สึก "แก่" รึเปล่านะ



แล้วผู้สูงอายุท่านคิดอะไรอยู่ข้างใน ลองถามผู้สูงอายุใกล้ตัว หรือ คุณลุงคุณป้าในชมรมผู้สูงอายุดูสิค่ะ ว่าข้างในใจมันเหมือนสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไปรึเปล่า ผู้เขียนได้มีโอกาสคลุกคลีกับผู้สูงอายุมากพอสมควรเพราะเรียนมาทางนี้โดยตรง จำได้ว่าตอนชั่วโมงแรกที่เรียนวิชา การดูแลผู้สูงอายุ อาจารย์เชิญวิทยากรมา 5 ท่าน เป็นผู้สูงอายุ ทั้งหญิง ชาย คนขาว คนเอเชีย คนหนึ่งเป็นศาสตราจารย์คณะนิติ อีกคนเป็นแม่บ้านจบ ป. 6 บางคนเดินได้ บ้างใช้ไม้เท้า บางคนนั่งรถเข็น หลากหลายมากค่ะ แล้วอาจารย์ก็ถามวิทยากรตรงๆว่า

- ข้างในใจของท่าน ท่านรู้สึก "แก่" ตอนอายุเท่าไหร่

- ความชราคืออะไรกันแน่

- ประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านช่วงอายุ 65 ขึ้นมาเป็นอย่างไรบ้าง



สนุกมากค่ะ วิทยากรเป็นกันเอง คุยกันสนุกสนานเป็นส่วนมาก ซึ้งบ้างเศร้าบ้างบางขณะ เป็นอันว่าชั่วโมงแรกจบลง นักเรียนได้ข้อคิดหลักๆกลับบ้านไปว่า



ข้อที่ 1) ผู้สูงอายุนี่มีหลายแบบนะ อย่าไปเผลอเหมารวมว่าคล้ายๆกันหมด แต่ละคนก็ประวัติชีวิตต่างกัน ก็เหมือนเราๆท่านๆทุกๆวัยนั้นแหละค่ะ มีเรื่องราวอื่นๆอีกมากมายเบื้องหลัง



ข้อที่ 2) อายุ 65 นี่ไม่แก่เลย วิทยากรคนที่อายุมากที่สุดท่านอายุ 97 ปี เดินไม่ไหวแล้ว แต่คุยรู้เรื่องไม่หลง เสียงดังฟังชัดเพราะเป็นครูสอนหนังสือมาตลอด(มีการคุยกันต่อในชั้นเรียนว่าอายุเกษียณนี่อาจจะต้องเปลี่ยนแล้วมันเร็วไป)



ข้อที่ 3) ถึงแม้ร่างกายของท่านเหล่านี้ อาจไม่แข็งแรงมาก แต่ในใจท่านอาจไม่ได้รู้สึก "แก่" เสมอไป ตอนอายุ 65 ในใจก็เหมือนตอนอายุ 45 ไม่ได้คิดว่าตัวเองแก่



วิทยากรผู้สูงอายุทุกคนพูดตรงกันว่า " สิ่งที่ทำให้รู้สึกแก่ครั้งแรกคือความเจ็บปวด " ถ้าเจ็บมากๆตอนอายุ 75 ก็รู้สึกแก่ตอน 75 ถ้าป่วยมากๆตอนอายุ 80 ก็รู้สึกแก่ตอนนั้น การที่เดินลุกไม่ค่อยไหวนั้นไม่เท่าไหร่ ก็แค่ทำอะไรให้ช้าลงตามสภาพ มองไม่ค่อยเห็น ฟังไม่ถนัด เจ็บป่วยนิดๆหน่อยๆตามสังขารก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อใดที่เจ็บมากๆ ป่วยมากๆ (วิทยากรท่านหนึ่งตอบว่าตอนที่ "เช็ดก้นตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนมาทำให้")



ตอนนั้นนั่นแหละ ที่รู้สึกว่า นี่แหละหนา "ความชราภาพ" เรื่องนี้ทำใจลำบากเอาการค่ะ ฝรั่งบางคนคิดว่ามันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี หลายๆคนเลยมองว่า ความชราเป็นสิ่งที่ไม่น่าพึงประสงค์ ไม่อยากแก่กันซะมาก เป็นภาระทำให้คนอื่นลำบาก หรือถ้าไม่มีคนดูแล ไม่มีเพื่อนฝูง ไม่มีกิจกรรมในสังคม แบบนี้ยิ่งลำบากหนัก
แต่ช้าก่อน...ชีวิตมันก็แบบนี้ไม่ใช่หรือ มีใครบ้างไม่เคยเจ็บป่วย คนที่เข้าใจและเห็นว่า นี่แหละชีวิต เกิด แก่ เจ็บ ตาย เราหลีกหนีมันไม่ได้ หากแต่ว่าในขณะเดียวกัน มันยังมีอีกมีหลายๆสิ่งที่เราช่วยกันทำได้ ช่วยกันทำให้มีสิ่งดีๆเกิดคู่ไปกับภาพพจน์และประสบการณ์ของความชราพวกเราชาวเอเชีย หรือ ชนเผ่าอินเดียนแดง ได้เปรียบฝรั่งในจุดนี้ เพราะเราเคารพยกย่องผู้สูงอายุว่าเป็นแหล่งพึงพิงทางปัญญา ปรึกษาหารือเรื่องสำคัญได้ "แก่จริง แต่ แก่ประสบการณ์ !" ถ้าคิดได้แบบนี้ มาช่วยกันส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีบทบาทในสังคม ความแก่ก็จะไม่เป็นสิ่งที่น่าหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด



ถึงจะเจ็บจะป่วยแต่มีคนดูแล มีคนเคารพ มีเพื่อนคุยหรือแม้แต่แค่มีคนจับมืออยู่ข้างๆ เราก็สามารถแก่ได้อย่างมีคุณภาพ ...และแล้วอาจารย์ก็พูดปิดชั่วโมงสอนว่า "ไม่ต้องกลัวแก่ค่ะ เปิดแขนอ้ารับมัน "




0 ความคิดเห็น: