วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เรื่องของรัตน์ : จัดฟันแฟชั่น



หมอจ๋อมขับรถเข้ามาจอดในโรงพยาบาลศูนย์ประจำจังหวัด พร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหมอหมู “พี่หมูเหรอคะ จ๋อมมาถึงแล้ว พี่หมูลงมาได้เลยค่ะ.........อ้าว เหรอคะ เคสอะไรละคะ..........เหรอคะ งั้นจ๋อมขอขึ้นไปดูด้วยได้ไหมคะ พี่หมูอยู่ที่แผนกใช่ไหมคะ ค่ะ ค่ะ งั้นเดี๋ยวจ๋อมขึ้นไปหานะคะ” หมอจ๋อมกดปิดโทรศัพท์แล้วหันมาหารัตน์ “หมอหมูมีเคสลุดวิค ขึ้นไปดูกันหน่อยไหมรัตน์ ยังไม่หิวเนอะ” หมอจ๋อมหันมาชวน “เป็นไงคะ ลุดวิค” รัตน์ถามอย่างสงสัย “เป็นการติดเชื้ออย่างรุนแรงบริเวณช่องปากและใบหน้า คนไข้จะมีการติดเชื้อ บวม ที่ใต้ลิ้น ใต้คาง และใต้ขากรรไกรทั้งสองข้าง บางคนก็บวมที่คอหอย และอาจลงไปในคอได้ น่ากลัวมากเลย แล้วคนไข้พวกนี้มักจะมีปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ เพราะใต้ลิ้นจะบวมจนลิ้นยกไปปิดทางเดินหายใจหมด”

“แล้วมีสาเหตุมาจากอะไรคะ” “หลายอย่าง แต่ที่เจอเยอะก็มาจากฟันเรานี่แหละ เจอทีไรนะ หมอหมูเบื่อเลยละ เพราะดูกันนานเลย” หมอจ๋อมกับรัตน์พากันเดินขึ้นไปที่แผนกทันตกรรม เจอหมอหมูกำลังตรวจคนไข้อยู่ เป็นเด็กสาวอายุประมาณ 18 นั่งหน้าบวมโย้อยู่บนยูนิต ดูท่าทางทรมาน หมอหมูกำลังดูในปาก “มาดูสิจ๋อม อ้าว ขอให้หมอเขาดูหน่อยนะจ๊ะ จะได้เอาไปช่วยกันเตือนบรรดาเพื่อนๆเราที่อื่นด้วย ” ประโยคหลังหมอหมูหันไปพูดกับคนไข้ “ไม่ปรับเก้าอี้นอนจะได้ดูง่ายๆเหรอคะหมอ” รัตน์อดสงสัยไม่ได้ “คนไข้นอนไม่ได้หรอกรัตน์ นอนแล้วหายใจไม่ได้ ขนาดนั่งยังต้องโน้มตัวมาข้างหน้าเลย ลิ้นมันตกไปอุดทางเดินหายใจ ทำให้เขาหายใจไม่ได้ นี่เดี๋ยวคงต้องเข้า OR เลย ทิ้งไว้นานไม่ดี ถ้าหิวก็ไปกินกันก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป” “จ๋อมเข้าไปดูใน OR ด้วยได้ไหมคะ หิวหรือยังรัตน์ พอไหวไหม” หมอจ๋อมหันมาถาม “ได้ค่ะ รัตน์ก็อยากดูเหมือนกัน น่ากลัวจังเลยเขาเป็นจากอะไรคะหมอ” หมอหมูหันมาหาคนไข้อีก “ขอให้หมอเขาดูหน่อยนะ นี่ไง น้องคนนี้ไปจัดฟันแฟชั่นมา แล้วลวดมันก็ทิ่มกระพุ้งแก้ม แรกๆก็แค่เจ็บๆ ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเห็นเพื่อนๆที่จัดฟันกันก็เป็นแบบนี้ ไปๆมาๆ ก็บวมตุ่ยแบบนี้แหละ นี่แค่สองวันเองนะ ใช่ไหมครับคนไข้”



คนไข้พยักหน้าหงึกๆ น้ำตาคลอ หมอหมูเปิดให้ดูในปาก เห็นลวดจัดฟันทิ่มอยู่ที่กระพุ้งแก้มเป็นแผลชัดเจน กระพุ้งแก้มบวมเป่ง “แล้วทำไมคนอื่นๆที่จัดฟันถึงไม่เป็นละคะหมอ” รัตน์อดสงสัยไม่ได้ เพราะก็เห็นคนจัดฟันกันตั้งเยอะแยะ “ก็เขาจัดกับหมอจริงๆน่ะสิ เครื่องไม้เครื่องมือก็ผ่าการฆ่าเชื้ออย่างสะอาด ทำกันตามหลักวิชาการ นี่น้องเขาไปทำตามตลาดนัด นอนทำกับเก้าอี้ผ้าใบ ด้วยความอยากเท่ห์เหมือนเพื่อนๆไง คิดว่าไม่มีอะไร แต่ติดเครื่องมือ ถูกดีด้วย ไม่กี่ร้อยบาท คุ้มกันไหมเนี่ย”

“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ” “ไม่ใช่แค่นี้นะ ผลเสียจากการจัดฟันแฟชั่นน่ะมีตั้งหลายอย่าง เพราะคนที่ทำไม่ใช่หมอ อย่างนึงคือ เครื่องไม้เครื่องมือไม่สะอาด ทำให้เกิดการติดเชื้อแบบนี้แหละ แล้วคนไข้ก็จะไม่ค่อยรู้หรอก เริ่มเจ็บ เริ่มบวมก็คิดว่าปกติ เพราะคนที่จัดฟันก็มักจะบ่นว่าเครื่องมือทิ่มปากกันอยู่แล้ว คนที่จัดแบบแฟชั่นก็คิดว่าเออ คงเป็นอาการปกติ ต้องทิ่ม ต้องบวมแบบนี้หล่ะ ก็ไม่มาหาหมอ มาอีกทีก็บวมฉึ่ง นี่ยังดี เดี๋ยวนี้เขาพัฒนา ใช้เครื่องมือ ใช้ลวดที่ใช้จัดฟันจริงๆ แต่ก่อนยิ่งแล้วใหญ่ ใช้ลวดที่ใช้ตากผ้า คิดดูสิ โดนน้ำลายเราทุกวันก็เป็นสนิม ถึงลวดจะไม่ทิ่ม ก็เหมือนเรากินสนิมอยู่ทุกวัน ทนกันได้ไง เพื่อความเท่ห์ ทันสมัยเป็นบาดทะยักตายกันพอดี คุ้มกันไหมไม่รู้” หมอหมูบ่นไป คนไข้ก็นั่งน้ำตาคลอไป

“นอกจากทำให้ติดเชื้อนะ คนทำบางคนไม่รู้เรื่อง ไม่มีความรู้ ใช้ลวดที่มันมีแรงดึงใส่ให้ด้วย ทีนี้ละ ฟันที่ดีๆ ก็ล้มระเนระนาดหมด บางทีดึงไปดึงมา ฟันโยก เหงือกร่นหมด ทำกันไปทำมั้ย ไม่คุ้มเลยจริงๆ คนที่ทำก็บาปกรรม คิดได้เงินเพียงไม่กี่บาท แล้วสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอย่างเนี้ย” “แล้วทันตแพทยสภาทำอะไรไม่ได้เหรอคะพี่หมู จ๋อมเห็นเดี๋ยวนี้เยอะมากเลย ติดประกาศตามเสาไฟฟ้า ทั้งจัดฟันแฟชั่น ทั้งทำฟันปลอม ทำเขี้ยวด้วยนะ เพื่อจ๋อมบอกว่ามีไปเช่าล็อคในห้างเปิดทำกันด้วย เดินผ่านเห็นแล้วก็เซ็งเลย” “สภาฯเขามีหน้าที่ควบคุมบรรดาหมอไม่ให้ทำผิด แต่คนที่ทำพวกนี้ไม่ใช่หมอนี่ เราก็ไม่มีสิทธิทำอะไร ได้แต่ออกมาเตือนประชาชนว่าอย่าไปทำ แต่การจัดการกับพวกนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจ แล้วต้องมีเจ้าทุกข์ด้วยนะ ตำรวจถึงจะจับได้”


“แย่จังเลยค่ะ แล้วพวกนี้เขาไปเอาเครื่องมือของหมอมาจากไหนละคะ” “ก็บริษัทที่ขายเครื่องมือไง พี่เคยได้รับจดหมายจากบริษัท เสนอขายของ ระบุเลยนะว่ามีเครื่องมือจัดฟันแฟชั่นด้วยน่ะ เขาไม่สนใจหรอก ได้ขายของเอาเงินนิดๆหน่อยๆ จะเกิดผลเสียอะไรบ้างกับใครก็ไม่รู้ พี่ยังเคยคิด อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดกับลูกกับหลานเขาบ้าง ทั้งของคนขาย ทั้งของคนทำ จะได้รู้สึกกันบ้าง” “เราทำอะไรไม่ได้เลยหรือคะหมอหมู” รัตน์เอ่ยถามอย่างเศร้าใจ

“ได้สิรัตน์ ก็คอยให้ความรู้กันไป พยายามเตือน อย่าเบื่ออย่าหน่าย เดี๋ยวหมอจะถ่ายรูปคนไข้คนนี้ แล้วเอาไว้สอนให้คนอื่นๆ ได้รู้ได้เห็น หน้าที่เราได้แค่ให้ความรู้ แค่เตือน ก็ทำให้ดีที่สุด อย่าไปยุ่งกับพวกที่ทำเลย เราไม่มีอำนาจหน้าที่ ไม่รู้ด้วยว่าเขาเป็นยังไง ดีไม่ดี ไปว่าไปถามเขา เขามาทำอะไรเรา มันไม่คุ้มกัน คนสมัยนี้คาดเดาไม่ได้ ฆ่ากันได้ง่ายๆเลย ส่วนไอ้บริษัทที่ขายของให้พวกนี้ เราก็ช่วยกันแอนตี้ อย่าไปซื้อของจากเขา ช่วยกันบอกต่อกันว่าอย่าไปซื้อของ ซื้อเครื่องมือจากเขา แม้จะถูกก็ตาม ยอมจ่ายแพงกว่านิดหน่อย ดีกว่าไปช่วยสนับสนุนให้เขาทำการค้าต่อไปได้”

“ที่จริงบรรดาหน่วยงานต่างๆ อย่างสภา สมาคม น่าจะลงรายชื่อบริษัทพวกนี้ให้รู้เลยนะคะว่าใครบ้างที่ขายเครื่องมือพวกนี้ พวกเราจะได้ช่วยกัน ไม่สนับสนุน เวลางานประชุมวิชาการก็ไม่ต้องให้มาออกบูท เราต้องช่วยกันหลายๆทางนะคะ จ๋อมสงสารคนไข้จัง บางทีเขาก็ไม่รู้อะไรจริงๆนะคะ พี่หมูอย่าดุเขาเยอะเลยค่ะ น้องเขาก็เจ็บเยอะแล้วน่ะ” หมอจ๋อมหันไปทางคนไข้ทั่นั่งฟังหมอหมูไป ก็น้ำตาไหลไป

“ฟังแล้วก็อย่าลืมไปบอกกับเพื่อนๆด้วย แล้วเดี๋ยวหมอจะขอถ่ายรูปเก็บไว้นะครับ ขอเอาไว้สอนให้คนอื่นได้รู้หน่อย จะได้ไม่เป็นอย่างเราอีก ไม่ต้องกลัวนะครับเพราะหมอจะปิดไม่ให้เห็นหน้าอยู่แล้ว เอ้า เดี๋ยวเสร็จแล้วหมอจะไประบายหนองให้นะครับ อยู่โรงพยาบาลกันหลายวันหน่อยนะ” “หมอคะ ถอดเครื่องมืออกให้ด้วยนะคะ” คนไข้พูดเสียงอู้อี้ อู้อี้ เหมือนคนลิ้นคับปาก “ได้สิ เดี๋ยวจะถอดออกให้ เข็ดแล้วใช่ไหม เอาละ เดี๋ยวขึ้นไปเตรียมตัวบนห้อง อย่าเพิ่งกินอะไรเลยนะครับ อดทนหน่อย” หมอหมูหันกลับมาเขียนชาร์ทคนไข้

“ไปกินกันก่อนก็ได้นะจ๋อม รัตน์ หิวกันหรือเปล่า” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวขอเข้าไปดูด้วยดีกว่า เห็นแล้วจ๋อมก็อิ่มขึ้นมากะทันหัน สงสารน้องเขาจัง เนอะรัตน์เนอะ” “ได้สิ เดี๋ยวพี่เตรียมขนมปังเข้าไป OR ด้วยดีกว่า เผื่อเวลาพี่เดรนหนองออกมา จ๋อมเห็นแล้วจะหิว จะได้ใช้ขนมปังจิ้มกินแทนนมข้นหวานซะเลย หวานมันอร่อยเลยนะจ๋อม ฮ่า ฮ่า”“แหวะ ไอ้พี่หมูบ้า พูดแล้วจะอ้วก ว่าแต่ว่า จ๋อมขอแบบโฮลวีทนะคะขนมปังน่ะ มีประโยชน์ อิ อิ”


0 ความคิดเห็น: