“เคยขอร้องให้เขากลับมาอยู่กับครอบครัวหลายครั้ง เพราะไม่ต้องการให้เขาเป็นวีรบุรุษเพียงแค่ 7 วันแล้วคนไทยก็ลืม ทิ้งความทุกข์ไว้ให้ครอบครัวที่อยู่เบื้องหลัง”
นี่เป็นคำให้สัมภาษณ์นักข่าวของ ภรรยาตำรวจท่านหนึ่งที่ไปรับราชการที่ จ.นราธิวาส หลังเหยียบกับระเบิดระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ อาการเป็นตายเท่ากัน เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2550
อ่านแล้วรู้สึกรู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่างไปบ้างไหมคะ?
เมื่อเวลาผ่านไป ก็ทำให้เราลืมเรื่องราวต่างๆไปได้ค่ะ แต่กับบางคนก็ยากที่จะลืม ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดกับคนที่ใกล้ตัวเรา... อย่างเช่น คนๆนี้ “ผู้กอง แคน” ทุกๆท่านก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า “แคน” ร.ต.อ.ธรณิศ ศรีสุข วีรบุรุษ ของประเทศไทยท่านนี้ เป็นลูกชาย อ.หมอแจง (รศ.ทันตแพทย์หญิง นิธิภาวี ศรีสุข) และเป็นสามีของ “หมอนัตตี้”
วันที่ 29 กันยายนนี้ ก็คือวันที่ “แคน” ถูกยิงเสียชีวิตที่จ.ยะลา นี่ก็ 1 ปีผ่านไปแล้วค่ะ บางท่านอาจจะรู้สึกว่าไม่นานเลย และบางท่านก็คงจะลืมไปแล้ว แต่กับคนใกล้ตัวมากๆอย่างเช่น หมอนัตตี้ จุ้มจิ้มก็เพิ่งได้เจอกันค่ะในงานเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ เมื่อถูกสัมภาษณ์ในบางคำถามเกี่ยวกับความรู้สึกหลังแคนจากไป นัตตี้ไม่สามารถ พูดออกมาได้ ทุกๆคนเห็นว่านัตตี้พยายามแล้วที่จะพูด...แต่...ไม่มีเสียงใดๆออกจากหมอนัตตี้ ที่ตีบตันเนื่องจากการพยายามสกัดกั้นน้ำตาและเสียงสะอื้นที่จะเกิดขึ้น ทุกๆคนในที่นั้นต่างรับรู้ได้ถึงความสะเทือนใจที่เกิดขึ้นจากคำถามที่ไม่มีคำตอบนี้...คนที่อยู่ข้างล่างเวทีถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ บางคนต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาไหล ..
หนังสือ “ความฝันอันสูงสุด ผู้กองแคน ร.ต.อ.ธรณิศ ศรีสุข” จัดทำโดยสำนักพิมพ์ บมจ.อมรินทร์ฯ มีคุณตวงพร อัศววิไล เป็นผู้เรียบเรียง โดยมอบรายได้ค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดให้กองทุน ร.ต.อ.ธรณิศ ศรีสุข ซึ่งเป็นกองทุนที่จะสนับสนุนในเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็นและไม่สามารถหางบประมาณได้ รวมถึงเป็นเงินทุนสำหรับครอบครัวของตำรวจตระเวนชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย และจากเจตจำนงนี่เองทำให้ผู้บริหารของ บมจ.อมรินทร์ฯ ได้ร่วมสนับสนุนเพิ่มเติมค่าลิขสิทธิ์ขึ้นอีก เพื่อให้กองทุนนี้มีดอกผลที่จะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ นั่นก็คือเพื่อความสุขความสงบของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นความฝันอันสูงสุดของผู้กองแคน
ผู้เรียบเรียงบอกว่าที่อยากทำหนังสือเล่มนี้ก็เนื่องจากว่าไม่อยากให้ แคน “เป็นวีรบุรุษ เพียงแค่ 7 วัน” อยากให้มองทุกชีวิตที่สูญเสียไปอย่างมีคุณค่า ไม่หลงลืมผู้เสียสละทุกท่าน เราเสียคนที่มีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ไปก็หลายคน อีกหลายคนที่มีชีวิตอยู่ก็อยู่อย่างเจ็บปวด อยากให้ทุกท่านเหลียวมองรอบๆ ตัวว่ามีใครเคยเป็นวีรบุรุษที่เราอาจหลงลืมเขาไป ไม่อยากให้เป็นเหมือนพลุที่จุดขึ้นมาแล้วแตก อยากให้สิ่งเหล่านี้อยู่ในใจ อยู่ในจิตสำนึก และอยากให้ทุกๆคนได้รู้ว่า อะไรคือแรงบันดาลใจ คือความฝัน คือแรงผลักดันที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งกล้าที่จะก้าวเดินไปตามฝันที่จะสร้างความสุขแก่ประชาชน สร้างความสงบสู่แผ่นดิน อะไรทำให้ชาวบ้านที่นั่นติดรูปของเขาไว้ที่ฝาบ้านแทบจะทุกบ้านเพื่อรำลึกถึงความดีงามของเขาที่มีต่อพวกเขา
หลายๆคนที่ไม่ได้รู้จักเกี่ยวข้องใดๆกับแคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ล้วนแต่มีความชื่นชม จุ้มจิ้มก็อยากให้ทุกคนได้อ่านด้วยค่ะ จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความฝันของแคน ที่จะรักษา ความสงบสุขของประเทศไทย ไว้ด้วย 1 ชีวิตของแคนสุดท้าย อยากฝาก ประโยค นี้ของแคนไว้
“จงเป็นผู้เสียสละ...อย่าคาดหวังว่าเราจะได้อะไรบ้าง จากหน่วยงานและประเทศชาติแต่จงคิดเสมอว่าเราทำอะไรได้บ้าง ให้แก่หน่วยงานและประเทศชาติ”
แคนได้ทำหน้าที่ในการดูแลประชาชนในส่วนที่แคนรับผิดชอบโดยไม่แบ่งว่าเป็นกลุ่มใด ภาคใด ศาสนาใด อย่างเต็มที่จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต...แล้วเราล่ะคะ ในฐานะบุคลากรทางสาธารณสุข เราได้ทำหน้าที่ในการดูแลประชาชนในส่วนที่เราต้องรับผิดชอบ คือด้านสุขภาพ โดยไม่แบ่งว่าเป็นกลุ่มใด ภาคใด ศาสนาใด อย่างเต็มที่กันหรือยังคะ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น