โดย ทพ.โคสิต อบสุวรรณ จากสสจ.เชียงราย
อากาศเชียงรายช่วงนี้ดีมาก กำลังเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งปีนี้คาดว่าจะหนาวนาน และหนาวมากกว่าทุกปี ผมเองและพวกเราที่เชียงรายต่างก็รอคอยช่วงเวลานี้ เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข อดคิดไม่ได้ว่าผมช่างโชคดี และมีบุญเหลือเกินที่ได้มีโอกาสมาปักหลักใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่พื้นเพเดิมเป็นคนราชบุรี อากาศที่หนาวเย็นกับสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน ปกคลุมด้วยป่าไม้เขียวขจี ยิ่งช่วงนี้มีหมอกล่องลอยพาดผ่านทิวเขา เป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน เป็นเสน่ห์เติมเต็มคำว่า “ เมืองน่าอยู่ ”
เพื่อนๆหลายคนเคยถามว่า “ มึงทำอย่างไรวะ น้องๆจึงอยากมาอยู่เชียงรายแถมอยู่แล้วไม่ยอมย้ายไปไหน ไม่ยอมลาออกอีกต่างหาก ” จริงๆแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดแผกแตกต่างไปจากที่อื่นๆหรอก สิ่งแรกต้องบอกว่าพวกเราโชคดีที่ได้ทำงานในจังหวัดที่มีทุนทางธรรมชาติมากมาย อย่างที่เกริ่นมาข้างต้น เป็นมรดกตกทอดให้พวกเราได้เสวยสุข หมอชาญ (พะเยา) เคยพูดกับผมว่า “ ขอให้บรรยากาศดี เดี๋ยวมันก็มีอารมณ์เองละพี่ ” ในที่นี้ผมคงจะพูดถึงอารมณ์ที่อยากทำงานเท่านั้น ส่วนอารมณ์อยากอย่างอื่น คงให้ไปถามหมอชาญเอาเอง
อากาศเชียงรายช่วงนี้ดีมาก กำลังเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งปีนี้คาดว่าจะหนาวนาน และหนาวมากกว่าทุกปี ผมเองและพวกเราที่เชียงรายต่างก็รอคอยช่วงเวลานี้ เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข อดคิดไม่ได้ว่าผมช่างโชคดี และมีบุญเหลือเกินที่ได้มีโอกาสมาปักหลักใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่พื้นเพเดิมเป็นคนราชบุรี อากาศที่หนาวเย็นกับสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน ปกคลุมด้วยป่าไม้เขียวขจี ยิ่งช่วงนี้มีหมอกล่องลอยพาดผ่านทิวเขา เป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน เป็นเสน่ห์เติมเต็มคำว่า “ เมืองน่าอยู่ ”
เพื่อนๆหลายคนเคยถามว่า “ มึงทำอย่างไรวะ น้องๆจึงอยากมาอยู่เชียงรายแถมอยู่แล้วไม่ยอมย้ายไปไหน ไม่ยอมลาออกอีกต่างหาก ” จริงๆแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดแผกแตกต่างไปจากที่อื่นๆหรอก สิ่งแรกต้องบอกว่าพวกเราโชคดีที่ได้ทำงานในจังหวัดที่มีทุนทางธรรมชาติมากมาย อย่างที่เกริ่นมาข้างต้น เป็นมรดกตกทอดให้พวกเราได้เสวยสุข หมอชาญ (พะเยา) เคยพูดกับผมว่า “ ขอให้บรรยากาศดี เดี๋ยวมันก็มีอารมณ์เองละพี่ ” ในที่นี้ผมคงจะพูดถึงอารมณ์ที่อยากทำงานเท่านั้น ส่วนอารมณ์อยากอย่างอื่น คงให้ไปถามหมอชาญเอาเอง
การทำงานร่วมกันกับคนหลายรุ่น ต่างวัย ต่างประสบการณ์ ต่างความคิด ที่ไหนๆก็เหมือนกันมักจะมีเรื่องปวดหัว ขัดแย้งกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่ท้ายที่สุดก็มักจะมีทางออกเสมอ ถึงแม้บางครั้งทางออกที่ว่านั้นอาจจะไม่ถูกใจใครบางคนก็ได้ แต่เราก็เคารพกติกา หรือข้อตกลงส่วนรวมผ่านการประชุมปรึกษาหารือกัน มีพี่ใหญ่ 2 ท่านที่ต้องกล่าวถึง คือ พี่สมพงษ์ และ พี่จิตตพร หรือพี่ดำ พี่ทั้ง 2 เกษียณเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อนึกย้อนกลับไปยี่สิบกว่าปี ยอมรับว่าถ้าไม่มีพี่ๆเหล่านี้คอยสอน ติติง คอยปรับคอยแก้ชี้แนะให้เราเดินในทิศทางที่เหมาะสม ตามประสบการณ์ที่มีมากกว่าและทำงานมาก่อนเรา ป่านนี้เราคงวนเวียนอยู่กับที่ไม่ก้าวไกลขนาดนี้ พี่ตี๋(หมอไพฑูรย์) เป็นอีกท่านหนึ่งที่ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องๆ ในทุกๆด้าน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
แต่ก่อนเคยมีแบบพี่ตี๋อีกคน คือ หมออ้วน( อนุโรจน์ ปัจจุบันอยู่สสจ.ปราจีนบุรี ) ทั้งคู่มีลักษณะเหมือนกัน ประนีประนอม ใจดี เป็นที่เคารพ นับถือ ของผู้ร่วมงาน พวกเราจึงโชคดีที่มีคนคอยทำหน้าที่ทั้งทางตรง และทางอ้อม ในการช่วยประสานความขัดแย้งที่เกิดขึ้นให้อยู่ในกรอบ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน
แต่รุ่นที่ช่วยกันสร้างผลงานมาอย่างต่อเนื่อง ต้องยกความดีทั้งหมดให้กับรุ่นใช้ทุนทั้งหลาย ตั้งแต่รุ่นแรกปี 2532 ถึงรุ่นปัจจุบัน หลายคนยังอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็น กล้วย แม่จัน, พจน์ เวียงแก่น, ติ่ง รพศ. และอีกหลายคน ต้องขออภัยที่เอ่ยถึงได้ไม่หมด ร่วมกันสร้างทีมงานทันตฯเชียงรายขึ้นมา หลายคนแยกย้ายกันไปเสมือนหนึ่งสายพันธุ์ทันตฯเชียงรายไปงอกงามที่อื่น เช่น กมล ณ น่าน เป็นต้น ความเป็นทีมงานร่วมแรงร่วมใจกันถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร ในเรื่องการทำงานเราเปิดโอกาสให้ทุกคนมีอิสระที่จะคิด หรือทำในสิ่งที่อยากทำ
มีสไตล์ของตัวเอง ภายใต้กรอบนโยบาย คนหนุ่มสาวเหล่านี้ มีพลังในตัวเยอะ หลายปีมานี้จึงเห็นหลายแห่งมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าโรงพยาบาลศูนย์เชียงรายที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำทางด้านวิชาการ + บริการ ที่น้องๆ รพช + สอ. พึ่งพาได้เสมอ หลาย CUP วันนี้สามารถยืนได้ด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็น แม่สาย, แม่จัน, พาน, เทิง, เชียงของ หรือแม้แต่ CUP เล็กๆ เช่น เวียงชัย, เวียงแก่น, แม่ฟ้าหลวง เป็นต้น แต่ละแห่งมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป น้องๆจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอดเรื่องดีๆเหล่านั้นต่อกัน การดูงานระหว่าง CUP การรวมกลุ่มกันเอง เพื่อพัฒนางานเรื่องใดเรื่องหนึ่ง การเป็นพี่เลี้ยงให้แก่กัน เป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นได้บ่อยๆ
หลายคนของพวกเรากลายเป็นวิทยากร เป็นอาจารย์พิเศษสอนตามมหาวิทยาลัย ที่สำคัญกว่า 20 ปีมานี้ เราได้รับความไว้วางใจให้รับนักศึกษาทันตแพทย์มาฝึกงานในพื้นที่ จากเดิมที่มีเพียง มช. แห่งเดียว ปัจจุบัน จุฬาฯ, มหิดล, มศว. ก็ส่งมาเช่นกัน ลองนึกภาพดูนะครับว่าระหว่างเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ ของทุกปี ประมาณ 3 เดือน มีนักศึกษาทันตแพทย์กว่า 50 ชีวิตมาเพ่นพ่านอยู่เชียงราย เรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกัน ซึ่งจุดนี้ผมคิดว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้พวกเราต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ อันนำไปสู่การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด
หลายปีมานี้ผมสัมผัสได้กับปรากฏการณ์บางอย่าง ซึ่งเริ่มก่อตัวขึ้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่มีใครไปบังคับหรือชี้นำให้เกิด รู้สึกดีใจและเป็นสุขทุกครั้งที่เหตุการณ์เหล่านี้ปรากฏขึ้น ทำให้แอบคิดไปไกลว่า “ เรากำลังก้าวย่างไปสู่ความเป็นครอบครัว(ทันตฯ) เดียวกัน ” ซึ่งน่าจะมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่าคำว่า “ ทีมงาน” มากมายนัก ความมีน้ำใจของน้องๆ ที่ได้แสดงออกต่อกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่ว่าจะเป็นขณะที่ทำงานร่วมกัน หรือในยามที่ใครบางคนกำลังประสบปัญหา ไม่เลือกว่าใครเป็นทันตแพทย์ ทันตาฯ หรือผู้ช่วย วันนี้น้ำใจไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในยามที่มีปัญหาเท่านั้น แต่ได้แผ่ขยายไปในทุกโอกาส ทุกสถานที่ เสมือนหนึ่งว่ายิ่งทำยิ่งมีความสุข ยิ่งทำยิ่งเกิดผลดีตามมา จึงได้เห็นการหยิบยื่นโอกาสดีๆให้แก่กันอยู่เสมอ
คลินิกนอกเวลาราชการที่ศูนย์ทันตฯ ในตัวเมืองนับเป็นสถานที่นัดพบของพวกเรา หมุนเวียนกันมาทุกวันหยุด พบปะแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุขดิบกันมากกว่ามาทำงานหารายได้พิเศษเพียงอย่างเดียว หลายสิ่งหลายอย่างก็เริ่มต้นจากที่แห่งนี้
เล่าถึงตรงนี้หลายคนอาจจะรู้สึกไม่แน่ใจว่านี่คือ “ ทฤษฎี ” หรือ “ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ” โม้หรือป่าว ลองมาสัมผัสดูซิครับ ถ้ามีโอกาสจะได้รู้ว่า “ ไม่ได้โม้” ทั้งหมดที่ถ่ายทอดสู่กันอ่านนี้คือ เรื่องภายในครอบครัวของเราชาวทันตฯเชียงราย ท้ายนี้ต้องขอโทษพวกเราชาวเชียงราย ที่เอาเรื่องภายในครอบครัวมาเปิดเผยสู่สาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน ทำไงได้กำลังมีอารมณ์..... แล้วรอพบกันในงาน “ รวมพลคนมีน้ำใจ ครั้งที่3 ” มกราคม’ 51 นะคร๊าบ...




0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น