วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

หมอฟันคนใหม่...หัวใจว้าวุ่น


ความรู้สึกแรกที่รู้ตัวว่าเรียนจบแล้วก็คือ ความปลอดโปร่งโล่งสบาย แต่สักพักก็เกิดอาการโล่งจนลอย....ลอย คิดต่อไปว่าแล้วฉันจะทำงานที่ไหนล่ะ? จะต้องเอาของที่ขนจากหอไปเก็บไว้ที่จังหวัดไหน? อำเภออะไร? ใกล้วันที่จะต้องไปเลือกจังหวัดทำงานเข้ามาทุกที ทุกที จังหวัดนั้นก็ดี จังหวัดนี้ก็ดี แม่ไม่ให้ไปอยู่ที่นู่น แฟนอยู่จังหวัดนี้ โอ๊ย..ปวดหัวไปหมดแล้ว โทรศัพท์, msn, e-mail, hi-5 ฯลฯ ต่างก็เป็นช่องทางในการติดต่อสอบถามข้อมูลทั้งกับเพื่อนๆ อาจารย์ รุ่นพี่ หรือ สสจ. รวมไปถึงการทำโพลสำรวจว่ามีใครเลือกจังหวัดไหนบ้าง และ topic หนึ่งที่น่าสนใจก็คือ เค้าให้พวกเราไปทำอะไรตั้ง 3 วัน (1-3เม.ย.) เราก็รอดูอยู่เรื่อยๆเผื่อมีใครรู้อะไร แต่ปรากฏว่าโล่งเลย ไม่มีใครมาใส่ความคิดเห็นใดๆ แล้ววันที่มาเฉลยคำตอบสำหรับ topic นี้ก็มาถึง....

“รถออกจากกระทรวงสาธารณสุขเวลา 6.00 น. บริเวณหน้าเสาธง” กำหนดการอะไรเนี่ย ไปแค่นครนายกเอง ออกตั้งหกโมงเช้า สงสัยว่าจะเป็นแผนการกระจายรายได้สู่คนขับแท็กซี่ มาถึงหน้าเสาธงทันเวลา เตรียมขึ้นรถบัสแต่ปรากฏว่ารถคันที่ไปยางแตก ซีดเลยครับพี่น้อง (ตอนนี้เพลง วันแรกก็จะโดนซะแล้ว ต๊ายแหล่วต๊ายแหล่ว...อะไรกันหว่า ดังขึ้นมาในหัวทันที) คนขับเค้าก็เก่งนะ สามารถประคองรถไปจนถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวๆรังสิตเพื่อเปลี่ยนยางอะไหล่ เราก็เลยถือโอกาสไปซื้ออะไรกินใน minimart ซะเลย พอทุกคนขึ้นรถกันจนหมดพี่staff ก็แจกกระเป๋าเอกสารและกำหนดการจัดกิจกรรม จากนั้นทุกอย่างก็ดำมืดและเงียบกริบ เพราะทุกคนเล่นเกมซ่อนตาดำกันอย่างสนุกสนาน ตื่นมาอีกทีพวกเราก็อยู่หน้าสีดารีสอร์ท จ.นครนายกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พอทุกคนลงจากรถเรียบร้อย ก็พากันไปรับ break ที่ห้องอาหาร นึกสภาพคน 1,500 คนแย่งกันกิน แย่งกันนั่ง สภาพเลยวุ่นวายคล้ายโรงเจ ในช่วงเทศกาลกินเจเลย เหนื่อยมากๆกว่าจะได้กิน พอกินเสร็จก็ขึ้นไปที่ห้องประชุมชั้นบนเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ คน 1,500 คนถูกแบ่งออกเป็นสี 5 สีคือ สีเหลือง ชมพู ฟ้า เขียว และม่วง พอพิธีกรเรียก สีไหน คนที่อยู่สีนั้นต้องตะโกนว่า “เฮ่ !” เอาวะ ทำๆไป ช่วยเขาทำมาหากินหน่อย กิจกรรมวันแรกก็เป็นแบบนี้ทั้งวัน สงสารป้าพิธีกรเหมือนกัน ท่านคงเหนื่อยน่าดูเลยล่ะ

ถึงแม้กิจกรรมเหล่านี้จะดูเหมือนไร้สาระในความคิดของคนบางคน แต่สำหรับฉันแล้วพบว่าคนที่อยู่ข้างๆ ตอนลุ้นเลือกจังหวัด ก็คือเพื่อนใหม่ที่ฉันเพิ่งรู้จักในกิจกรรมสันทนาการ ที่จัดให้นั่นเอง ส่วนบรรยากาศตอนเลือกจังหวัดนั้น ไม่มีอะไรจะสนุกและน่าตื่นเต้นไปมากกว่าการลุ้นจับ ลูกปิงปอง เกือบจะทุกคนต่างก็พกเครื่องรางของขลังและไปบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันทั้งสิ้น

ตัวฉันเองก็เช่นกัน ในคืนก่อนที่จะมีการเลือกจังหวัด คุณพ่อที่แสนดีก็ได้ไปบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความเป็นห่วงและหวังดี พ่อเล่าว่าได้ออกไปบนที่พระรูปของพระบรมราชชนกที่โรงพยาบาลศิริราชตอนตี 2 คนเดียว เนื่องจากคุณแม่ง่วงนอน ขี้เกียจไปแต่ถามไปถามมาปรากฎว่าคุณแม่กลัวผีมาก ก็เลยไม่อยากไปโรงพยาบาลตอนดึกๆ ดังนั้นหมายเลขที่ได้จากการจับลูกปิงปอง คุณพ่อเลยเหมาว่าเป็นเพราะท่านไปบนไว้แท้ๆเลย ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ฉันรู้สึกว่ามีกำลังใจจากครอบครัวคอยสนับสนุนอยู่เสมอ ไม่ว่าฉันจะได้ไปทำงานที่ไหนก็ตาม

นอกจากครอบครัวแล้วเพื่อนๆร่วมสถาบันก็คอยส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจอยู่ขอบสนาม เสียงจะดังมากเป็นพิเศษที่จังหวัดยอดนิยมต่างๆเช่น ระยอง สุพรรณบุรี ภูเก็ต กาญจนบุรี ฯลฯ เพื่อนที่พลาดหวังก็มี rescue team เข้ามาให้กำลังใจและแนะนำจังหวัดที่ยังว่างอยู่ให้ลงในรอบถัดไป ส่วนคนที่ลงจังหวัดได้แล้วก็จะมีคนพาไปรับหนังสือส่งตัว บางจังหวัดก็จะมีพี่จากสสจ.มาให้ข้อมูลถึงที่ เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและน่ารักมากๆ

เป็นธรรมดาที่การเสี่ยงโชคต้องมีคนสมหวังและผิดหวัง คนที่ผิดหวังก็อย่าเพิ่งเสียใจ ส่วนคนที่สมหวังก็อย่าเพิ่งดีใจ เพราะนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการทำงานเป็น “ข้าแผ่นดิน” เท่านั้น
สิ่งที่อยากให้พวกเราระลึกถึงอยู่เสมอก็คือการทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้คุ้มกับเงินภาษีที่ประชาชนตาดำๆจ่ายให้เป็นส่วนหนึ่งของค่าเล่าเรียนของเรา ทุกคนที่มาหาเราล้วนมีความทุกข์ จงรักษาและดูแลเขาด้วยความเมตตาให้เหมือนกับดูแลพ่อแม่ ญาติพี่น้องของเรา คนเราเกิดมาก็เท่านี้เอง ใช้เวลาสั้นๆในการมีชีวิตอยู่ให้คุ้มค่าไปกับการทำความดี รักและเมตตาผู้อื่น แค่เราเป็นผู้ให้ เราก็จะกลายเป็นผู้รับความสุขใจไปเต็มๆ โมทนาสาธุกับการทำความดีทั้งทางกาย วาจาและใจของคุณหมอทุกท่านค่ะ

เจ้าโต (ทพญ.ดวงพร จิรอภิวัฒนา)


0 ความคิดเห็น: