วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เรื่องเล่าจากภูอังลัง : ความภูมิใจเล็กๆ



โดยหมอฟันไทด่าน


ตาถาวรแกมาทำฟันที่โรงพยาบาลอยู่นานแล้วละครับ โดยปกติ หากไม่สนิทชิดเชื้อหรือได้ปฏิสัมพันธ์กันด้วยเหตุอื่น เป็นแค่คนไข้ที่มาทำฟันอย่างเดียว คนความจำสั้น (ความฝันยาว) อย่างผมจะจำหน้าคนไข้แทบไม่ได้เลย คนไข้ผมบางคนมาทำฟันปลอมทั้งปากหรือรักษารากฟันกันหลาย visit ถ้าเป็นกลุ่มนี้อย่างมากก็แค่คุ้นๆ ให้จำขนาดเจอตามตลาดทักทายได้ ไม่ผิดหน้าผิดตัว เห็นจะหวังกับผมยาก

แต่ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ ที่ผมจะจำ ตาถาวรแกได้ ทั้งที่ตอนแรกแกไม่ได้เป็นคนไข้ของผม เหตุปัจจัยคงเป็นจากที่แกมีลักษณะพิเศษมากกว่าคนอื่น ชายร่างเล็ก ผอม เกร็ง ใส่แว่น ผ้าขาวม้าคาดเอว และขาข้างหนึ่งพิการ (ส่วนว่าข้างไหนนั้น อย่าถามผมเลยครับ ผมจำไม่ได้หรอก) ผมไม่ได้คิดจะถามแกว่าขาแกเป็นอะไร เป็นมาแต่กำเนิดหรือเกิดจากอุบัติเหตุทีหลัง ถามไปเกรงว่าจะไปตอกย้ำปมด้อยแกให้ทุกข์ใจเล่นเปล่าๆ

เข้าใจว่าตาแกมีจุดมุ่งหมายปลายทางความฝันของการมาโรงพยาบาลอยู่ที่การได้ใส่ฟันปลอม ส่วนระยะทางที่ต้องผ่านระหว่างนั้น คือการบูรณะเตรียมช่องปากกันขนานใหญ่ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะปากแกคงไกลหมอมานาน ลองดูประวัติย้อนใน OPD CARD เห็นเลยว่าแกต้องถอนฟันหลายซี่ อุดคอฟันฟันทุกซี่ที่เหลือและยังพอเก็บได้ ขูดหินปูน เกลารากฟัน แถมด้วยการกรอแต่งปุ่มนูนของกระดูกอีกหลายตำแหน่ง

จำไม่ได้แล้วละครับ ว่าตาถาวรแกมาเป็นคนไข้ผมได้อย่างไร เพราะแกทำอยู่กับน้องทันตแพทย์อีกคน เดาๆ เอาว่า น้องเขาคงส่งให้ผมกรอแต่งกระดูกให้ ถ้าส่งมาอย่างนี้ ส่วนมากก็จะรับดูแลกันต่อ ไม่ได้ส่งคืน คือหลังตัดไหม ก็นัดแกมาทำฟันปลอมเป็นเคสของผมไป วันที่ผมทำฟันให้แกครั้งแรก แล้วได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ก็เพิ่งรู้นะครับว่าแกมีสิทธิเป็น“ชำระเงิน” เห็นอย่างนี้ก็ตาโตละครับ ไม่ได้อยากเก็บตังค์แกเยอะๆ นะครับ เพราะที่โรงพยาบาลผมถูกสอนกันว่าต้องช่วยกันหาสิทธิที่เหมาะสมให้คนไข้ เลยรู้สึกตงิดๆ ว่าแกไม่มีสิทธิรักษาพยาบาลได้อย่างไร แถมค่าบริการรักษาก่อนหน้าก็ค้างมาตั้งหลายพันบาท

ถามไปถามมาได้ความว่าแกเป็นคนชัยภูมิ แต่มาอยู่ที่ด่านซ้ายหลายปีเต็มทีแล้ว การงานของแกเป็นประหนึ่งยามเฝ้าสวนให้นายหญิง ในหมู่บ้านที่ไกลไปจากโรงพยาบาลหลายสิบกิโล ความที่มีข้อจำกัดของร่างกาย แกคงทำอะไรมากว่านั้นได้ไม่สะดวกนัก นายหญิงของแกนานๆ มาทีเพราะปกติก็อยู่ที่กรุงเทพฯ แกว่านายหญิงดูแลแกดี อย่างมาโรงพยาบาลก็บอกว่าให้ทำไปก่อนเลย เบ็ดเสร็จอย่างไร นายแกจะมาเคลียร์ให้ทีหลัง

ผมถามแกว่า แกไม่เคยมีบัตรทองเลยเหรอ ถ้ามีก็ให้ย้ายมาที่นี่เสีย แกจะได้ไม่ต้องกังวลหวังพึ่งนายหญิงอย่างเดียว แกว่าอย่าว่าแต่บัตรทองเลย บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน อยู่ที่ไหนยังไม่รู้เลย สงกะสัยจะหายไปนานแล้ว ผมได้แต่บอกว่าแกน่าจะกลับไปชัยภูมิ ไปให้อำเภอที่นั่นได้สืบค้นจัดการให้แกมีหลักฐานบ่งบอกว่าแกเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ ไม่งั้นวันดีคืนดี ตำรวจขอตรวจค้น แกอาจกลายสภาพเป็นลาวอพยพหลบหนีเข้าเมืองว่ายน้ำข้ามน้ำเหืองมาฝั่งไทยโดยผิดกฎหมายก็ได้นะ ทำเป็นเล่นไป

ดูๆ แล้วแกก็คงอยากจะมีอะไรพิสูจน์ความเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์อยู่หรอกครับ ถ้าไม่ติดว่าระยะทางกว่า 300 กิโลจากด่านซ้ายไปชัยภูมิดูจะไกลเกินไปสำหรับคนแก่พิการอย่างแก แกเลยคงต้องยอมรับสภาพหวังพึ่งเจ้านายของแกอย่างเดิมดีกว่า ตอนนั้นผมก็คิดอะไรไม่ออก คิดแต่ว่าทำอย่างไรเจ้านายจะให้เงินแกมาจ่ายค่าทำฟันที่ค้างอยู่ ส่วนเรื่องฟันปลอม ลองดูว่าจะเข้าโครงการฟันเทียมพระราชทานได้ไหม เพียงแต่อาจต้องหาทาง search หาเลข 13 หลักของแกให้ได้

visit ก่อนแกมาพิมพ์ปากแล้ว หลังเตรียมช่องปากกันมายาวนาน เป็นเวลาหลายเดือนผมย้อนนึกได้ถึงวันก่อนที่ผมกับคุณดารัชไปย้ายทะเบียนบ้านออกจากบ้านพักโรงพยาบาล เอาชื่อไปอยู่ที่กระท่อมน้อยริมน้ำ เจอกับน้องปลัดทะเบียนราษฎร์ที่แม้ไม่ได้สนิทสนม แต่ก็พอคุ้นเคยคุ้นหน้ากันอยู่บ้าง น้องเขาอยู่ที่นี่หลายปีแล้วตั้งแต่บรรจุ นึกออกแล้วล่ะว่าจะทำอะไรได้บ้าง แม้อาจไม่ได้ผล แต่น่าจะลองดูหลังพิมพ์ปากเสร็จ ผมถามความสมัครใจว่าจะลองกับผมไหม แกรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ผมเลยนั่งเขียนจดหมายน้อยด้วยลายมือ ถึงปลัดและผู้เกี่ยวข้อง
สาธยายความทุกข์ยากของตาและปัญหา “คนเถื่อน” ของแก กำชับเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าให้รีบไปเลย นั่งสามล้อไปอำเภอ คราวหน้ามา mold อย่าลืมมาแจ้งข่าวผมล่ะ ว่าได้ความว่าอย่างไร


สารภาพกันตามตรง ผมไม่คิดว่าอำเภอจะดูดำดูดีแกหรอกครับ คนแก่งกๆ เงิ่นๆ อย่างแกอาจจะโดนตะเพิดตั้งแต่เสมียนหน้าเข้มก่อนที่เรื่องจะถึงปลัดด้วยซ้ำ หรืออย่างดีก็อาจโดนไล่ให้กลับไปสืบค้นเอาเองที่อำเภอบ้านเกิด เดือนหน้าผมก็แค่รอฟังข่าวการดำรงสภาพคนเถื่อนของตาแกต่อไปก็แค่นั้น ไม่ทันเต็มเดือน ถึงวันนัด ตาถาวรถือบัตรประชาชนใหม่เอี่ยมมาโชว์ผมแต่เช้า คุยบนหน้าเปื้อนยิ้มว่าแกเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เป็นคนเถื่อนอีกต่อไปแล้วนะหมอ

รู้ความเข้าผมก็ดีใจไปกับแกเหลือเกิน อำเภอไม่ได้แย่อย่างที่ผมคิด แกได้ย้ายทะเบียนบ้าน มีบัตรประชาชนใหม่ในแค่การติดต่อหนึ่งครั้ง ผมบอกแกว่างั้นเดี๋ยวทำฟันเสร็จให้แกรีบไปทำบัตรทองที่ศูนย์ประกัน แล้วอย่าลืมถามเรื่องการทำบัตรผู้พิการด้วย เผื่อแกจะได้สิทธิประโยชน์อะไรเพิ่มเติม

เรื่องนี้มันผ่านมาสักพักแล้วละครับ ครั้งหน้านี้แหล่ะที่แกจะได้ใส่ฟันปลอมเสียที เมื่อย้อนคิดถึงเรื่องนี้ทีไรใจก็รู้สึกเย็นๆเป็นสุขอยู่ลึกๆ แม้สิ่งที่ทำไม่ได้มากมายยิ่งใหญ่อะไร แต่ก็เป็นความภูมิใจเล็กๆเรื่องหนึ่ง ในชีวิตการทำงานของหมอฟันบ้านนอกอย่างผม



0 ความคิดเห็น: