วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

My work place




เชื่อคำพ่อสอน : "...หลักการที่สำคัญประการหนึ่งที่จะส่งเสริมให้ปฏิบัติงานสำเร็จ และเจริญก้าวหน้าได้แท้จริง คือการไม่ทำตัวทำความคิดให้คับแคบ หากให้มีเมตตาและไมตรี ยิ่งดีประสานสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ร่วมงานอย่างจริงใจ..."
พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
18 กรกฎาคม 2530

My work place โดย หมอยุ้ย.. ทพญ. ธาวินี ฤดีจรูญรุ่ง โรงพยาบาลน่าน

หวัดดีจ้า..เพื่อนๆทุกคน..ห่างหายกันไปนาน...มาถึงตอนนี้พวกเราก็ทำงานกันเกือบจะ ครบ 2 ปี แล้วสินะ แต่ละคนคงมีประสบการณ์ที่หลากหลายไม่ซ้ำใคร ฉันก็ขอโอกาสนี้เล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้พบเจอให้เพื่อนๆฟังบ้างค่ะ จังหวัดน่านเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่ยังคงความสงบน่าอยู่มาก ผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่คิดที่จะแก่งแย่งชิงดี หรือทำธุรกิจแข่งกัน จำได้ว่าเคยไปซื้อของที่ตลาดแล้วเงินไม่พอ เขาก็บอกว่าให้เอาไปก่อนเลย ค่อยมาให้วันหลังก็ได้ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ น่านเป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา มีวัดสวยๆทั่วทั้งเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่เรียบง่าย ตื่นแต่เช้า หลับกันแต่หัววัน สามสี่ทุ่มก็ดูเงียบสงบจนรู้สึกว่านี่เราออกมาเที่ยวดึกเกินไปหรือเปล่า ฟังๆดูไม่เหมือนว่าอยู่ใจกลางอำเภอเมืองซึ่งเจริญที่สุดของตัวจังหวัดเลย ใช่ไหม แต่ก็นี่แหละ คงเป็นเสน่ห์ให้จังหวัดน่านคงความเป็นเอกลักษณ์ มีคนเคยบอกว่าเป็นจังหวัดที่เหมาะจะมาใช้ชีวิตอยู่ในบั้นปลายของชีวิต..ฉันก็เห็นด้วยนะ

ฉันได้เสียสละให้ชายหนุ่มทั้งสาม (เบ็ด เบิ้ม เติร์ท) ไปอยู่โรงพยาบาลชุมชนทั้ง 3 แห่ง ซึ่งเป็นพื้นที่กันดารระดับ1 และ 2 และต้องเป็นหัวหน้าฝ่าย แรกเริ่มเดิมทีพวกนั้นให้เหตุผลว่า... “ยุ้ยเป็นผู้หญิง ไปไกลๆอันตราย พวกเราจะเสียสละไปอยู่ให้เอง” ชายหนุ่ม 2 คนกล่าว “ใช่ พวกเราอยู่กันที่ไหนก็ได้แหล่ะ ที่ไม่ใช่โรงพยาบาลน่าน” ชายหนุ่มอีกคนเสริม
ทั้งๆที่ทั้งสามก็รู้อยู่แล้วว่าฉันชอบทำกิจกรรม และไม่ได้ชอบงาน treatment อย่างเดียวแน่ๆ แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นดังนี้แล้ว ก็คงต้องเลยตามเลย ตกลงจึงต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาลน่าน

โรงพยาบาลน่านเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่บริหารงานในสไตล์ของพี่ๆน้องๆ และมีความเป็นกันเองอยู่มาก ผู้อำนวยการไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำโรงพยาบาลให้ดูหรูหรา สง่างาม แต่ให้ความสำคัญกับการทำอย่างไรให้บุคลากรมีขวัญกำลังใจ และมีใจรักที่จะทำงานเพื่อโรงพยาบาล (เห็นได้จาก งานปีใหม่, งานกีฬา, งานศึกษาดูงานโรงพยาบาลต่างจังหวัด ซึ่งจัดอย่างอลังการ มีความสุขกันเต็มที่ เสื้อกันหนาว, เสื้อกีฬา, เสื้อเหลือง , เสื้อชมพู: ที่แจกให้บุคลากรทุกคนในโรงพยาบาลได้ใส่กันทั่วหน้า)


เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลใหญ่จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักกันหมดทั้งโรงพยาบาล ส่วนใหญ่ฉันจะทำงานอยู่แต่ในห้องฟัน ได้มีโอกาสออกไปเจอส่วนอื่นบ้าง ก็ตอนไปทำโครงการในแผนกเด็ก, ANC, ออกหน่วย, จัดงานต่างๆ หรือตอนที่เขามาใช้บริการห้องฟัน

เล่าถึงการทำงานในกลุ่มงานทันตกรรมบ้าง ที่นีมีทันตแพทย์ 9 คน ผู้ช่วยทันตแพทย์ 10 คน รวมในฝ่ายก็มี 19 คน ทันตแพทย์ 9 คน ประกอบไปด้วย หัวหน้าฝ่าย, รองหัวหน้าฝ่าย (ซึ่งไปเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน),ทันตแพทย์เฉพาะทาง Pros.,Oralmed., Maxillofacial, Ortho., Pedo. และมีฉัน กับน้องปอล เป็นGP อีก 2 คน แรกๆเข้าไปรู้สึกว่าตัวเองเหมือนทันตาภิบาลที่ RCT ได้ เพราะงานส่วนใหญ่ที่ทำก็จะเป็นขูด อุด ถอน ผ่าฟันคุดที่ไม่ยาก และรักษารากฟัน... แต่เนื่องจากที่นี่มีพี่ๆ เฉพาะทางที่ใจดีกันทั้งนั้น มีปัญหาอะไรก็ consult ได้เลย...พอนานวันเข้าก็เลยขอทำงานที่เฉพาะทางขึ้นบ้าง สร้างความแปลกใหม่ให้ชีวิตและจะได้เรียนรู้ไปด้วย เนื่องจากคนไข้ที่นี่ค่อนข้างเยอะ (วันนึงประมาณ 50 – 90 คน แล้วแต่season) แต่มีอยู่แค่ 5 Unit พี่ๆผู้ช่วยที่นี่(สาวใหญ่วัย 40 up ผู้มากประสบการณ์ทั้งน้าน) จึงมีวิธีพูดให้หมอรู้สึกไม่เหนื่อยที่จะทำคนไข้อยู่ตลอดเวลา และคนไข้ก็รู้สึกดีด้วยแม้ว่าจะรอมานานหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม เช่น

- ขณะกำลัง carve amalgam “ หมอคนสวย เสร็จแล้วก๋า ปี้เสียบหัวขูดหินปู๋น case ต่อไปฮื่อแล้วเน่อ ”
- ขณะขูดหินปูน Quadrant สุดท้าย “ สุดหล่อ เข้าต่อเก้าอี้ตั๋ว1 น่ะจ๊ะ เดี๋ยวหมอคนสวย คนเก่ง จะอุดฮื่อ ”พี่ๆ ที่นี่น่ารัก อยู่กันในฝ่ายแบบครอบครัว ห้องพักทันตแพทย์เปรียบเสมือนห้องครัวของเรา เพราะแต่ละคนจะผลัดกันสรรหาเมนูเด็ดมาทำกินกันระหว่างช่วงพักกลางวันเสมอ ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

ตอนแรกรู้สึกไม่อยากอยู่โรงพยาบาลทั่วไป ไม่อยากทำแต่งาน treatment แต่พอมาอยู่ที่นี่ เมื่อปรับตัวได้ ก็มีความสุขดี จึงไม่ได้ย้ายไปโรงพยาบาลชุมชน ..... เพื่อนๆทุกคน คงเคยมีปัญหาในการทำงานกันมาบ้าง..แต่ความหนักเบาของปัญหาคงแตกต่างกันไปในแต่ละคนและแต่ละความคิด ..... หากเรารักในงานที่ทำ ไม่ใช่เลือกทำแต่งานที่เรารัก ปัญหาต่างๆก็คงจะเบาบางไป กลายเป็นเรื่องที่สนุก ท้าทาย ให้เราได้แก้ไขอยู่เสมอ

ความสุขในการทำงานหาได้รอบตัว .. อย่างช่วงก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา ฉันได้ insert complete denture ให้พ่อจ๋อย หนุ่มวัย 76 ปี ..สัมผัสแรกที่พ่อสวมฟันปลอมพร้อมกับดูเงาตัวเองในกระจกก็น้ำตาไหลออกมา...เราก็ตกใจรีบถามออกไปว่า “ พ่อเจ็บตรงไหนก็บอกสิ ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย ” พ่อตอบทั้งน้ำตากลับมาว่า “ บ่ได้เจ็บ แต่ดีใจ๋ตี้ได้ใส่ฟันปลอม ” ฟังแล้วก็รู้สึกปลื้มใจจริงๆที่ได้มีโอกาสทำให้พ่อเขา น้ำตาของชายวัย 70 กว่า ไม่รู้ไหลเป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่ครั้งนึงมันไหลออกมาเมื่อเขาได้ใส่ฟันปลอมอันแรกของชีวิต ซึ่งรอนานเป็นแรมปีกว่าจะได้คิวใส่ นึกถึงเรื่องนี้ที่ไรก็อดอมยิ้มไม่ได้และรู้สึกมีความสุขทุกที

เวลาว่างที่อยู่ที่จังหวัดน่าน ก็จะหมดไปกับการสรรหาร้านอร่อยต่างๆ รับประทาน และไปเที่ยวตามป่าเขาลำเนาไพร ซึ่งมีอยู่ทุกอำเภอ ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ยังไม่รู้สึกเหงาเลย เพราะนอกจากเครือข่ายทันตแพทย์อันเหนียวแน่นที่จัดพบปะสังสรรค์กันเสมอแล้ว ยังมีเครือข่ายแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัช ทั้งรุ่นเรา รุ่นพี่ และรุ่นน้อง ที่รู้จักและไปเที่ยวกันบ้างเมื่อมีโอกาสด้วย เนื่องจากจังหวัดน่านจะมีการรับน้ององค์กรแพทย์รวมกัน จึงทำให้รู้จักกันไปหมด ยิ่งฉันอยู่อำเภอเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางด้วยแล้ว บางทีก็จำเป็นต้องทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นภาย ในจังหวัด จนทำให้เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องราวของเพื่อนๆในรุ่นอย่างเต็มที่เลย พูดไปก็คิดถึงเพื่อนๆ เหมือนกันแฮะ...


ถ้าว่างๆ ก็มาเที่ยวน่านกันบ้างสิจ๊ะ ที่นี่ก็มีที่สวยๆเยอะนะ ไม่ว่าจะเป็นชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกที่ดอยเสมอดาว หรือ สัมผัสอากาศหนาวตลอดทั้งปีที่อุทยานแห่งชาติชมพูภูคาและบ่อเกลือ อีกอันที่ขอ Recommend อยากให้เพื่อนมากันจริงๆก็คือ Trip ผจญภัยสนุกสนานไปกับการล่องแก่งน้ำว้า มาทั้งทีต้องแบบนอนกลางป่าด้วย มีทั้งแบบ 3 วัน 2คืน และ 2 วัน 1 คืน ซึ่งความยากของแก่งมีทั้งระดับธรรมดา ไปจนถึง ระดับ4 และ5 ฉันเพิ่งไปเที่ยว trip นี้มา มันส์มากๆ เหมือนได้เล่น Supersplash ซัก 50 รอบ ต่อกันเลย ยังไงก็คิดถึงกันบ้างนะ ขอให้เพื่อนๆโชคดีมีชัยกันทุกคน อยากได้อะไร อยากเรียนต่อที่ไหนก็ขอให้สมหวังนะคะ.....from...YUI028

0 ความคิดเห็น: