
วันที่ 1 – 3 ตุลาคม 2551 ณ ศูนย์ฝึกอบรมงานบริบาลบ้านผู้หว่าน จังหวัดนครปฐม
รายงานข่าวเครือข่ายทันตบุคลากร โดย ทพญ. วิโรชา เพียรเจริญ
เริ่มต้นจากการที่อาจารย์ทรงวุฒิกล่าวเปิดงานและบอกแนวทางการนำเสนอผลงานว่า หากมองว่าเราเป็นเครือข่าย เทียบได้กับเครือของกล้วย ให้เรามาเล่าสู่กันฟังว่า กล้วยแต่ละหวีเมื่อทำงานแล้วทำให้เครือแข็งแรง สวยงาม ต่อยอดอย่างไร ผลที่ได้จากปลีกล้วยเป็นอย่างไร หลังการนำเสนอผลงานได้มีการจัดช่วงเวลาของการเรียนรู้การเขียนงานเชิงสารคดีเพื่อถ่ายทอดประสบการณืทำงานออกมาเป็นงานเขียนให้ผู้อื่นได้รับรู้เนื่องจากพบว่า ทันตบุคลากรเองขาดความถนัดในการเขียนงานเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ หลังจากนั้นคือการสรุปงานร่วมกันและวางแผนการดำเนินงานต่อไปในเฟสหน้า
โครงการส่งเสริมเด็กหนองคายอ่อนหวาน นำเสนอโดย คุณนุชรา ดอนเกิด ผู้ช่วยทันตแพทย์ 6 ร.พ.บึงกาฬ ดำเนินกิจกรรมในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 4 แห่งใน 3 อำเภอ คือ บึงกาฬ 2 ศูนย์ ศรีเชียงใหม่ 1 ศูนย์ หนองคาย 1ศูนย์ หลังจากนั้นขยายผลสู่อำเภอโพนพิสัย และเซกา ในช่วงมีนาคม 2550 – 2551 โดยการประชุมผู้เกี่ยวข้อง คือ ผู้ปกครอง ครูพี่เลี้ยง อบต. ชาวบ้านในชุมชน สรุปถึงปัญหาและวิธีแก้ไข สร้างเป็นข้อตกลงของชุมชนเกี่ยวกับศูนย์ คือ จัดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ปลอดลูกอมและน้ำอัดลม ลดการบริโภคอาหารหวาน ธนาคารขนม จัดทำสื่อการสอน และส่งเสริมการปลูกผักสวนครัว ให้บริการทาฟลูออไรด์ในเด็ก ตรวจและอุดฟัน ผลที่เกิดขึ้นคือ เครือข่ายในชุมชนมีความเข้มแข็ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก และความชุกของการเกิดฟันผุลดลง จาก ร้อยละ 61.53 เหลือ 49.57 ซึ่งเป็นผลจากการให้บริการทันตกรรม
สิ่งที่น่าสนใจคือ เรามักจะเห็นการดำเนินกิจกรรมต่างๆที่มีในโครงการโดยทันตแพทย์หรือทันตาภิบาล แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นโดยเครือข่ายผู้ช่วยทันตแพทย์ด้วยความสมัครใจ สนใจที่จะริเริ่มทำงานโดยเห็นเป็นความสำคัญและเป็นบทบาทหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการ และวิธีการเสริมแรงซึ่งเริ่มจากเนื้องาน
กิจกรรมในโครงการคือ การจัดประชุมแกนนำแต่ละจังหวัดเพื่อหารูปแบบที่เหมาะสมในการดำเนินกิจกรรมของชมรม สิ่งที่ได้จากการดำเนินงานคือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน วิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของการทำงานของตน ทำให้เข้าใจบทบาทการทำงานของตนเองมากขึ้นและพยายามจัดช่องทางในการติดต่อประสานงานเครือข่ายผู้ช่วยทันตแพทย์ ซึ่งพบว่าปัญหาในการดำเนินกิจกรรมคือ การติดต่อประสานงาน การจัดหางบประมาณสนับสนุนและการหาวันเวลาในการจัดประชุมเนื่องจากแต่ละคนมีภาระหน้าที่ในฝ่ายฯทำให้ไม่ลงตัว
กิจกรรมที่ดำเนินในโครงการคือ เริ่มจากการทำ MOU(memorandum of understandind) และ จัดอบรมครู ก. ใน 11 จังหวัดนำร่อง ทั้งหมดรวม 3 ครั้งและแต่ละจังหวัดกลับไปดำเนินกิจกรรม ทีมแกนลงติดตามงานและเยี่ยมพื้นที่ ก่อนประชุมสรุปผลงาน ข้อเสนอแนะจากทีมประเมินคือ ชมรมควรกำหนดบทบาทของตนเองในความเป็นทันตแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด คือ อาจไม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่เอง แต่เป็นพี่เลี้ยงของโรงพยาบาลในพื้นที่และขยายผลในลักษณะของ node โดยให้ 11 จังหวัดเป็นแม่ node
นำเสนอโครงการจัดตั้งเครือข่ายทันตแพทย์เพื่อสังคม ร.พ.เซ็นต์หลุยส์ ซึ่งเน้นการทำงานในพื้นที่ใกล้เคียงโดยมีการเก็บข้อมูลเบื้องต้น การทำแบบสอบถาม และการจัดกิจกรรมตามความสนใจของสมาชิก เช่น การจัดประชุมวิชาการ การให้บริการทันตกรรม แต่ยังคงเป็นในระยะเริ่มต้น
นำเสนอ outcome mapping ผลการดำเนินโครงการที่ได้รับทุนและแผนการดำเนินงานในปีต่อไป โดยมีข้อเสนอว่า การติดตามประเมินผลควรเป็นไปตามข้อตกลงหรือสัญญาที่ทำไว้เดิม ไม่ควรขยายเพิ่มออกไปซึ่งอาจทำให้ผู้ปฏิบัติงานอึดอัด แม้ว่าจะมีข้อผูกพันมากมายแต่ก็ยังยินดีที่จะร่วมดำเนินกิจกรรมต่อไป
นำเสนอโครงการโรงเรียนเครือข่ายผู้ปกครองแด็กไทยฟันดี ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่ โดยมีแนวคิดจากการขยายผลจากต้นทุนที่มีอยู่เดิมที่เข้มแข็งอยู่แล้ว คือ เด็กไทยไม่กินหวานและโรงเรียนแสนสุข ขยายสู่ชุมชน เน้นรูปแบบสุนทรียสนทนาในการดำเนินงาน เสริมสร้างพลังชุมชนโดยมีความเชื่อว่า ผู้ปกครอง หมายถึง ผู้ที่มีส่วนร่วมดูแล เอื้อเฟื้อเด็ก จึงไม่ได้หมายถึงเพียงพ่อแม่แต่รวมเอาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสาธารณสุขเข้าไปด้วย ภายหลังจากการดำเนินโครงการได้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์นำเสนอสิ่งดีๆในงานสร้างสุข ภาคเหนือ โดยชูประเด็น ขนมอ่อนหวาน อาหารเพื่อสุขภาพ นิทรรศการที่มีชีวิต กำหนดนโยบายระดับอำเภอ “ ประชุมได้ผล คนได้สุขภาพ ”
สิ่งที่น่าสนใจคือ การขับเคลื่อนเชิงวัฒนธรรมจะทำได้เร็วเนื่องจากลดช่องว่างและทุกส่วนขานรับ ซึ่งมีข้อเสนอแนะจากเวทีคือ ควรเพิ่มการขยายเครือข่ายในกลุ่มทันตบุคลากรเอง
มีแนวคิดในการดำเนินโครงการคือ การจัดระบบบริการที่สมดุลระหว่างทันตแพทย์และผู้มารับบริการ โดยเครื่องมือที่จะนำไปสู่ความสมดุลคือ การปรับเปลี่ยนวิธีคิดในวิถีการดำรงอยู่ของวิชาชีพ จึงจัดให้มีการเข้ามาพูดคุยกันของกลุ่มวิชาชีพเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติและความคิดเห็น เกิดกิจกรรมที่มุ่งสร้างระบบสุขภาพช่องปากที่มีประสิทธิภาพให้กับสังคม ประสานและร่วมมือเพื่อสร้างระบบสุขภาพช่องปากแบบใหม่ มี core value คือ อยู่พอดีกินพอสุข คืนกำไรสู่สังคม แต่เนื่องจากรูปแบบการดำเนินกิจกรรมในโครงการ “ปรับกระบวนทัศน์” คือการจัดประชุมสัญจรทำให้ผู้เข้าร่วมแต่ละครั้งมีจำนวนน้อย และการที่เครือข่ายรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดทำให้สมาชิกไม่เห็นความสำคัญ บางคนลงชื่อแต่ไม่มาเข้าร่วม แต่เครือข่ายจองสถานที่จัดประชุมซึ่งมีค่าใช้จ่าย ทำให้ในการประเมินผลกลายเป็นการใช้งบประมาณค่อนข้างสูงแต่ผู้เข้าร่วมน้อย ซึ่งทางเครือข่ายได้นำไปเป็นข้อเสนอเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของเครือข่ายต่อไป
8. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่
นำเสนอโครงการ การพัฒนารูปแบบภาคีเครือข่ายการสร้างเสริมสุขภาพในศูนย์เด็กเล็กจังหวัดเชียงใหม่เชียงใหม่ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการดำเนินกิจกรรมในศูนย์เด็กเล็ก 3 แห่งของ 3 อำเภอ ก่อนขยายผลสู่อำเภออื่นๆต่อไป ซึ่งได้นำเสนอข้อจำกัดในการดำเนินกิจกรรมคือ ขาดการเชื่อมร้อยระหว่างทันตบุคลากรเองทำให้การดำเนินงานอาจขาดความต่อเนื่อง
9. ชมรมทันตาภิบาล
นำเสนอการดำเนินงานของชมรมทันตาภิบาล และโครงการพัฒนาเครือข่ายทันตาภิบาลเพื่อการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ในพื้นที่ 10 จังหวัดที่มีชมรมระดับจังหวัดที่เข้มแข็ง ซึ่งแต่ละจังหวัดไปกำหนดกลุ่มเป้าหมายและวิธีดำเนินกิจกรรมเอง
นำเสนอโครงการคนภาคเหนือฟันดี โดยเริ่มต้นจากการจัดประชุมวิชาการระดับภาค กระตุ้นให้สมาชิกสนใจและมีความมั่นใจในการทำงานเชิงรุกมากขึ้น การนำเสนอผลงานของแต่ละพื้นที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และปรับประยุกต์เอาประสบการณ์จากพื้นที่อื่นๆไปเป็นแนวทางการดำเนินงานในพื้นที่ตนเองต่อไป
11. ศูนย์อนามัยพื้นที่สูง
นำเสนอการดำเนินโครงการในกลุ่มชาวเขา ซึ่งเริ่มต้นด้วยกระบวนการวิจัยปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม ( PAR ) และพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยมีเป้าหมายให้ชุมชนมีกระบวนการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง ดำเนินงานต่างๆได้ด้วยตัวเอง
นำเสนอผลการดำเนินโครงการ ซึ่งเดิมเป็นชมรมที่เข้มแข็งอยู่แล้ว ผลการดำเนินงานได้ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่สนใจดูแลสุขภาพช่องปากมากขึ้น มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารหวาน และมีเครือข่ายร่วมเป็นคณะทำงานมากขึ้น ซึ่งทางชมรมได้วางแผนงานไว้ในรูปแบบการขยายเครือข่ายออกไป การพัฒนาช่องทางการสื่อสาร และปรับรูปแบบการจัดองค์กรและสถานที่ทำงานให้มีความคล่องตัวและเป็นระบบมากขึ้น
13. คณะกรรมการประสานงานทันตสาธารณสุขภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ( คปทส. )
มีการพัฒนาเครือข่ายในระดับวิชาชีพและกระตุ้นให้เกิดการทำงานร่วมกับชุมชน โดยพยายามขยายผลจากเครือข่ายที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ที่มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว พัฒนาศักยภาพการเป็นกระบวนกร และการทำงานเชิงรุกของทันตบุคลากร
นำเสนอโครงการพัฒนาเครือข่ายและศักยภาพทันตบุคลากรในการแก้ไขปัญหาโรคฟันผุเด็กปฐมวัย โดยจัดกิจกรรมในพื้นที่นำร่อง 6 จังหวัด คือ หนองบัวลำภู ขอนแก่น น่าน แพร่ สงขลา พัทลุง โดยมีกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพทันตบุคลากร และกลับไปดำเนินงานในพื้นที่ทั้งการพัฒนาศักยภาพและการขยายเครือข่ายการทำงาน โดยใช้ประเด็น “เด็กปฐมวัย” เป็นตัวขับเคลื่อนกิจกรรม โดยจัดให้มีแกน (node)ระดับภาค เพื่อเป็นพี่เลี้ยงในการดำเนินงาน การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระดับจังหวัด ภาค และ 6 จังหวัดเพื่อร่วมถอดบทเรียนการทำงาน
วิทยากรคือ คุณอรสม สุทธิสาคร และ คุณวีระศักด์ จันทร์ศ่งแสง ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคการเขียนงานในรูปแบบของสารคดี มีการฝึกเขียนและวิทยากรช่วยให้คำแนะนำ มีผลงานที่เข้าตากรรมการหลายชิ้น คือ ใกล้บ้านใกล้ใจ PCU....กับน้องมุ่ย (พี่เยา) , เปลี่ยนเสียงร้องไห้เป็นรอยยิ้ม (พี่แอนนา) , แคะจิว (พี่มดแดง) , เสี้ยวการตัดสินใจกับลมหายใจของพ่อ (พี่ที่สสจ.เชียงใหม่) , ความรู้คู่ความรัก (พี่จินดา) ซึ่งอาจารย์ทรงวุฒิมอบหมายให้ทุกผลงาน (รวมทั้งที่ไม่เข้ารอบ) กลับไปปรับแต่งบทความงานเขียนตามคำแนะนำของวิทยากรและส่งกลับมายังแผนงานพัฒนาเครือข่ายทันตบุคลากรไทยเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อจัดพิมพ์รวมเล่มต่อไป
ก้าวต่อไปของเครือข่ายและแผนงานฯ
แต่ละเครือข่ายไปวางแผนงานระยะ3ปี เขียนโครงการขอสนับสนุนทุนจากแผนงานฯ ระยะที่ 3 เน้นการบริหารงบประมาณแบบพอเพียง ( เท่าที่มีความสุข - - มากไปเป็นภาระ ) ส่งภายใน 25 ธันวาคม 2551 ซึ่งในระยะต่อไปแผนงานจะเน้นจากสนับสนุนงบประมาณในการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับจังหวัดให้มากขึ้น ตามคำขอของเครือข่ายต่างๆ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น