วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551

อ่านเล่นเย็นใจเอย : พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย






ตลอดระยะเวลา 62 ปี ที่เสด็จขึ้นครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานสิ่งใหม่ ริเริ่มสิ่งดีงามมากมายแก่สังคมไทย เหมือนดั่งพ่อที่ให้สิ่งดีๆแก่ลูกเสมอ สิ่งเหล่านั้น หลายสิ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ยิ่งใหญ่ อาทิเช่น ฝนหลวง , กังหันเติมออกซิเจนให้น้ำเรียกว่ากังหันน้ำชัยพัฒนา ,โครงการระบายน้ำท่วมในพื้นที่แก้มลิง ,การแกล้งดิน ,การพัฒนาสายพันธุ์ข้าว ,โครงการหลวงในพระราชดำริต่างๆ, ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่คล้ายเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่พระองค์ทรงริเริ่มประยุกต์ใช้ จนสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้กลมกลืนคุ้นชินไปกับการดำเนินชีวิตของคนไทย และกลายเป็นพื้นฐานสังคมไทยอย่างยั่งยืน หลายคนคุ้นเคยแต่อาจไม่ทราบมาก่อนว่า บางสิ่งที่ได้กินได้ใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันกันมายาวนานนั้น มีที่มาจากพระเจ้าอยู่หัวของเรานี่เอง

อะไรบ้างที่มีที่มาจากพระองค์ท่าน อะไรบ้าง ที่ในหลวงทรงริเริ่ม ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในความเป็นอยู่ของพสกนิกรของพระองค์

เริ่มจากปลาชนิดหนึ่ง แต่เดิมเมืองไทยไม่เคยมีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาชนิดนี้ในธรรมชาติบ้านเรามาก่อน ปลาต่างชาตินี้ ถูกน้อมเกล้าถวายโดยสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่นเมื่อครั้งยังเป็น มกุฎราชกุมารเจ้าชายอากิฮิโต หลังจากทดลองเลี้ยงภายในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐานนานร่วมปี ปลา Tilapia nilotica นี้ก็ได้รับพระราชทานชื่อสามัญในภาษาไทยว่า ‘ปลานิล’ เมื่อปี 2509 พร้อมกันนั้น ยังได้พระราชทานลูกปลานิลจำนวนกว่า 10,000 ตัว ให้กรมประมงนำไปเพาะพันธุ์แจกจ่ายแก่ประชาชน ด้วยทรงเห็นว่าปลานิลจะเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีของประชาชนทุกภูมิภาค แต่ในหลวงไม่เสวยปลานิลค่ะ โดยทรงรับสั่งว่า “ก็เลี้ยงมาเหมือนลูก แล้วจะกินได้อย่างไร”


เมื่อกล่าวถึงปลานิลแล้วก็ต้องกล่าวถึงข้าวกล้องด้วยค่ะ ครั้งหนึ่งในหลวง ทรงมีพระราชดำรัสเมื่อหลายปีก่อนว่า “ ข้าวที่ออกเป็นสีลักษณะนี้ เป็นข้าวที่มีประโยชน์ อย่างข้าวกล้องคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยกินกัน เพราะเห็นว่าเป็นข้าวของคนจน ข้าวกล้องมีประโยชน์ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ข้าวขาวเมล็ดสวย แต่เขาเอาของดีออกไปหมดแล้ว...มีคนบอกว่า คนจนกินข้าวกล้อง เรากินข้าวกล้องทุกวัน เรานี้ก็จน ”จากพระราชดำรัสนี้เอง ทำให้คนไทยหันมาทานข้าวกล้องกันมากขึ้น จนเกิดเป็นกระแสบริโภคข้าวกล้องเพื่อสุขภาพของประชาชนค่ะ

เมื่อทานข้าวทานปลาอิ่มแล้ว หลังมื้ออาหาร เด็กๆอาจต้องทานนมสักแก้วด้วยใช่ไหมคะ ในหลวงของเรา สมัยทรงพระเยาว์ พระองค์ท่านใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้เห็นว่าที่เมืองนอกนั้น คนเขาดื่มนมกันในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง พอพระองค์ท่านกลับมา ก็อยากให้คนไทยดื่มนม จึงส่งเสริมการเลี้ยงโคนมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 และประกาศให้การเลี้ยง โคนมเป็นอาชีพพระราชทานอีกด้วยค่ะ ต่อมาในปี พ.ศ.2512 เกิดปัญหานมสดล้นตลาด มีเกษตรกรชาวบ้านจากตำบลหนองโพ จังหวัดราชบุรีกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันถวายฎีกา ในหลวงพระราชทานความช่วยเหลือด้วยการสนับสนุนให้ ชาวบ้านรวมกลุ่มกันเป็น “สหกรณ์โคนมราชบุรี จำกัด” ต่อมาได้จัดตั้งเป็น “บริษัทผลิตภัณฑ์นมหนองโพ จำกัด” ในหลวงทรงรับเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และพระราชทานเงื่อนไขให้บริษัทนำกำไรส่วนหนึ่งเข้ากองทุนสะสม เพื่อเป็นประโยชน์กับลูกหลานของกลุ่มผู้เลี้ยงโคนมและสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้ส่งน้ำนมดิบให้แก่โรงงานที่ตั้งขึ้นในพื้นที่ จึงเกิดเป็นผลิตภัณฑ์นมหนองโพไงคะ

เมื่อการดำเนินงานของสหกรณ์ไปได้ด้วยดีแล้ว ในหลวงก็ทรงโอนกิจการทั้งหมดให้เป็นของสหกรณ์ คือพระองค์ทรงยกกิจการให้กับเกษตรกร ให้ชาวบ้านเป็นเจ้าของและมีหนทางทำมาหากินอย่าง พอเพียงแต่ยังทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อป้องกันการคุกคามของนายทุน กิจการสหกรณ์ยังคงดำเนินการมาจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ ในครั้งนั้นได้มีการจัดตั้งโรงนมผงสวนดุสิต เพื่อรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรชาวบ้านหนองโพ มาทำการพาสเจอไรซ์ให้เก็บน้ำนมได้นานขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย และเมื่อนำน้ำนมสดไปแยกน้ำออกมา จะกลายเป็นนมผงสวนดุสิตซึ่งเก็บได้นานเป็นปีเชียวค่ะ ในกระบวนการผลิตนมผงนี้ ยังเกิดนมผงเนื้อหยาบสามารถนำมาตอกอัดเป็นนมอัดเม็ด ที่ชาวทันตภูธรหลายท่านคงเคยได้ลิ้มรสกันนะคะ ปัจจุบันสามารถหาซื้อนมอัดเม็ดสวนดุสิต มาเคี้ยวเล่นได้จากร้านสะดวกซื้อทุกมุมถนนเลยค่ะ (ควรแปรงฟันหลังเคี้ยวเพื่อป้องกันฟันผุ)

ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งซึ่งเล็กๆน้อยๆ ที่เราทุกคนพบเห็นได้ในชีวิตประจำวันนะคะ มีหลายครั้งเราก็ไม่ทราบ บางครั้งเราอาจหลงลืมไป ว่าพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พ่อหลวงของปวงชนชาวไทยนั้นทรงพระราชทานทั้งแนวทางดำเนินชีวิต , อาชีพที่มั่นคง , โภชนาการที่ดี , ชีวิตใหม่ พระราชทานอะไรดีๆมากมายทั้งน้อยใหญ่ ดุจดั่งพ่อของประชาชนคนไทยมากกว่า 60 ล้านคน พ่อหลวงของเราทรงงานหนักอย่างต่อเนื่อง เพื่อลูกๆทั้งแผ่นดินเป็นเวลานานถึง 62 ปีแล้วนะคะ เมื่อสิ่งดีๆที่พระองค์พระราชทานให้เรามีอยู่ทั่วไปรอบๆกายมากมายถึงเพียงนี้ พวกเราชาวไทยพสกนิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ควรตระหนักถึงด้วยจิตกตัญญู แล้วตั้งมั่นทำความดีตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ ที่มีบุญเกิดมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ท่าน อยู่ดีมีสุขดังเช่นทุกวันนี้

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า atingle

0 ความคิดเห็น: