สวัสดีครับทุกท่าน
วันนี้ FRC ซี่ 36 คนไข้ไป 2 คน รากโค้งด้วย หน้ามืดเลยอ่า...... แต่อ่านที่สรุปการประชุมโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายทันตบุคลากรระดับจังหวัดเพื่อจัดทำแผนส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคในช่องปาก แล้วรู้สึกหน้ามืดกว่าเดิม 555
กลับมาเล่าที่ตัวเองครับ ในความคิดผมตอนนี้ระบบบริการปฐมภูมิน่าจะเป็น prevent & promotion นำมาเลย 2 เดือนที่ผ่านมา ผมวางแผนทำงานปฐมภูมิไว้ คุยกับสถานีอนามัย ในระดับหนึ่งแล้ว สถานีอนามัยที่เลือกนี่จะไม่มีทันตาภิบาลอยู่เลย โดยจะเอางาน ทันตสาธารณสุขเข้าไปทำ มี concept ไม่มี treatment เน้น prevention & promotion โดยจะให้ทันตาภิบาลจาก โรงพยาบาลออกทำงาน ในลักษณะ ทำงานร่วมและเป็นพี่เลี้ยงให้เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย จะไม่ไปทำคนเดียว แต่จะออกมาในการทำงานร่วมกัน ทำไปจนกว่าจะเห็นว่าเค้ายืนด้วยตัวเองได้ จากนั้นเราจะออกมาอยู่ในฐานะที่ปรึกษา นิเทศ ติดตาม ในหลักการจะเป็นอย่างนี้ครับ
กลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มเด็กแรกเกิด ก่อนวัยเรียน ประถม ผู้ปกครอง แค่นั้น กลุ่มอื่นๆยังไม่ดำเนินการ เพราะเยอะเกินไป ต้องการปูพื้นฐานแค่นี้ ตำบลในเขตที่ รพ.รับผิดชอบ ผมค่อนข้างพอใจทีเดียว เลยจะเอา model นี้กระจายไปสถานีอนามัย
ปัญหาที่ผมคิดว่าจะเกิด คือ ถ้าโยนให้สถานีอนามัยเค้าก็จะไม่ทำ ให้เราออกไปทำ เราก็จะเหนื่อยมาก เพราะ คนน้อย เลยคิดว่า partner น่าจะ work ไม่ต้องเปิดคอร์สอบรมเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยแต่เรียนรู้ร่วมกันไปเรื่อยๆ น่าจะดีกว่า ก็คงจะเข้า concept บริการปฐมภูมิที่สรุปมาให้พอดี (ฟลุ๊คมาก) treatment ให้มาทำที่โรงพยาบาลเอา ไม่รู้ว่าจะไหวไหม แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วคงต้องยอมเหนื่อยดูครับ แต่คนไข้ผมนี่เป็นระบบนัดไปซะเยอะแล้ว บางครั้งก็ต้องเลือกครับ ถ้าจะก้าวต่อ หนทางไกล ของบางอย่างที่ติดตัวมาอาจต้องสละ 555 รอว่าเมื่อไหร่จะได้ ทพ.คนที่ 2 มา พี่ๆ ที่กองตอนประชุม teleconference บอกว่า ผลิตทันตแพทย์เยอะขึ้นแล้ว ผมคิดว่าอีกสักปีสองปี อำเภอที่มีทันตแพทย์ 1 คน คงมี 2 คนทุกอำเภอนะครับ (อิอิ กดดัน !!!!! สาธุ)
ผมว่าแต่ละที่ในระดับปฏิบัติน่าจะลองหา model งานPCU ที่มีความเป็นไปได้ลองทำดู ไม่ให้ทันตาภิบาลถอนฟันที่ไม่ใช่ perio แล้วนี่ครับ ก็เห็นด้วยนะครับ ว่าต้องใช้เวลาแต่คงนานนนนนนนนนนน…….น่าดู สุดท้าย ทันตแพทย์ก็ยังคงเป็นทันตแพทย์ทำงานรักษาวันยังค่ำละครับ (ส่วนใหญ่) ทันตาภิบาล ก็คง shift ไปทำงานส่งเสริมป้องกัน จนท้ายที่สุดคงไม่ได้ทำงานรักษา ก็ดีนะครับ ภาพชัดดี แต่ไหวไหมครับพี่ๆ ทำคนไข้อย่างเดียวนี่ผมไหวอยู่แล้นน์.. คนไข้เข้าคิวต่อไป 5555 ยังแอบคิดว่าในอนาคตอีกไกลมาก จากฝ่าย ทันตสาธารณสุข คงแตกเป็น 2 หน่อ หน่อแรก กลายเป็นฝ่ายทันตกรรม กลุ่มงานบริการทางการแพทย์ ทำรักษาป้องกัน มีทันตแพทย์ GP หรือ Spec ดูแลงานทันตกรรม หน่อสอง เป็นฝ่ายทันตสาธารณสุข กลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัว ทำงาน promotion ไป โดยมีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตสาธารณสุขระดับอำเภอ (อย่างน้อย 1 คน )
ไม่แน่ใจว่าต้องถึงระดับอนุมัติบัตร หรือ วุฒิบัตรหรือไม่ ก็ต้องดูแลกันไป (สอบยากเหลือเกิน รอบที่แล้วก็ไม่มีคนผ่าน 5555 ขออำลาไปสอบ endo - oper ดีก่า) ผมว่าแบบนี้แยกกันชัดในบทบาทหน้าที่ ก็ทำงานประสานกันในแนวราบดีไหมครับ ไม่ต้องเกี่ยงกันล่ะทีนี้ ใครชอบสายไหนก็ไปสายนั้น ผมว่าน่าสนใจนะ ถ้าแยกร่างแบบฮาโตริได้ผมคงลองทำไปแล้ว 5555.... ถึงวันนั้นผมจะไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ .......ขำขำนะครับ
วันนี้ FRC ซี่ 36 คนไข้ไป 2 คน รากโค้งด้วย หน้ามืดเลยอ่า...... แต่อ่านที่สรุปการประชุมโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายทันตบุคลากรระดับจังหวัดเพื่อจัดทำแผนส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคในช่องปาก แล้วรู้สึกหน้ามืดกว่าเดิม 555
กลับมาเล่าที่ตัวเองครับ ในความคิดผมตอนนี้ระบบบริการปฐมภูมิน่าจะเป็น prevent & promotion นำมาเลย 2 เดือนที่ผ่านมา ผมวางแผนทำงานปฐมภูมิไว้ คุยกับสถานีอนามัย ในระดับหนึ่งแล้ว สถานีอนามัยที่เลือกนี่จะไม่มีทันตาภิบาลอยู่เลย โดยจะเอางาน ทันตสาธารณสุขเข้าไปทำ มี concept ไม่มี treatment เน้น prevention & promotion โดยจะให้ทันตาภิบาลจาก โรงพยาบาลออกทำงาน ในลักษณะ ทำงานร่วมและเป็นพี่เลี้ยงให้เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย จะไม่ไปทำคนเดียว แต่จะออกมาในการทำงานร่วมกัน ทำไปจนกว่าจะเห็นว่าเค้ายืนด้วยตัวเองได้ จากนั้นเราจะออกมาอยู่ในฐานะที่ปรึกษา นิเทศ ติดตาม ในหลักการจะเป็นอย่างนี้ครับ
กลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มเด็กแรกเกิด ก่อนวัยเรียน ประถม ผู้ปกครอง แค่นั้น กลุ่มอื่นๆยังไม่ดำเนินการ เพราะเยอะเกินไป ต้องการปูพื้นฐานแค่นี้ ตำบลในเขตที่ รพ.รับผิดชอบ ผมค่อนข้างพอใจทีเดียว เลยจะเอา model นี้กระจายไปสถานีอนามัย
ปัญหาที่ผมคิดว่าจะเกิด คือ ถ้าโยนให้สถานีอนามัยเค้าก็จะไม่ทำ ให้เราออกไปทำ เราก็จะเหนื่อยมาก เพราะ คนน้อย เลยคิดว่า partner น่าจะ work ไม่ต้องเปิดคอร์สอบรมเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยแต่เรียนรู้ร่วมกันไปเรื่อยๆ น่าจะดีกว่า ก็คงจะเข้า concept บริการปฐมภูมิที่สรุปมาให้พอดี (ฟลุ๊คมาก) treatment ให้มาทำที่โรงพยาบาลเอา ไม่รู้ว่าจะไหวไหม แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วคงต้องยอมเหนื่อยดูครับ แต่คนไข้ผมนี่เป็นระบบนัดไปซะเยอะแล้ว บางครั้งก็ต้องเลือกครับ ถ้าจะก้าวต่อ หนทางไกล ของบางอย่างที่ติดตัวมาอาจต้องสละ 555 รอว่าเมื่อไหร่จะได้ ทพ.คนที่ 2 มา พี่ๆ ที่กองตอนประชุม teleconference บอกว่า ผลิตทันตแพทย์เยอะขึ้นแล้ว ผมคิดว่าอีกสักปีสองปี อำเภอที่มีทันตแพทย์ 1 คน คงมี 2 คนทุกอำเภอนะครับ (อิอิ กดดัน !!!!! สาธุ)
ผมว่าแต่ละที่ในระดับปฏิบัติน่าจะลองหา model งานPCU ที่มีความเป็นไปได้ลองทำดู ไม่ให้ทันตาภิบาลถอนฟันที่ไม่ใช่ perio แล้วนี่ครับ ก็เห็นด้วยนะครับ ว่าต้องใช้เวลาแต่คงนานนนนนนนนนนน…….น่าดู สุดท้าย ทันตแพทย์ก็ยังคงเป็นทันตแพทย์ทำงานรักษาวันยังค่ำละครับ (ส่วนใหญ่) ทันตาภิบาล ก็คง shift ไปทำงานส่งเสริมป้องกัน จนท้ายที่สุดคงไม่ได้ทำงานรักษา ก็ดีนะครับ ภาพชัดดี แต่ไหวไหมครับพี่ๆ ทำคนไข้อย่างเดียวนี่ผมไหวอยู่แล้นน์.. คนไข้เข้าคิวต่อไป 5555 ยังแอบคิดว่าในอนาคตอีกไกลมาก จากฝ่าย ทันตสาธารณสุข คงแตกเป็น 2 หน่อ หน่อแรก กลายเป็นฝ่ายทันตกรรม กลุ่มงานบริการทางการแพทย์ ทำรักษาป้องกัน มีทันตแพทย์ GP หรือ Spec ดูแลงานทันตกรรม หน่อสอง เป็นฝ่ายทันตสาธารณสุข กลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัว ทำงาน promotion ไป โดยมีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตสาธารณสุขระดับอำเภอ (อย่างน้อย 1 คน )
ไม่แน่ใจว่าต้องถึงระดับอนุมัติบัตร หรือ วุฒิบัตรหรือไม่ ก็ต้องดูแลกันไป (สอบยากเหลือเกิน รอบที่แล้วก็ไม่มีคนผ่าน 5555 ขออำลาไปสอบ endo - oper ดีก่า) ผมว่าแบบนี้แยกกันชัดในบทบาทหน้าที่ ก็ทำงานประสานกันในแนวราบดีไหมครับ ไม่ต้องเกี่ยงกันล่ะทีนี้ ใครชอบสายไหนก็ไปสายนั้น ผมว่าน่าสนใจนะ ถ้าแยกร่างแบบฮาโตริได้ผมคงลองทำไปแล้ว 5555.... ถึงวันนั้นผมจะไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ .......ขำขำนะครับ
ฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ครับ
bic ^-^
bic ^-^
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น