
เดินจากบ้านผู้ใหญ่บ้าน ย้อนมาทางถนนเข้าสู่หมู่บ้าน เลี้ยวซ้าย ลงเนิน ลัดเลาะไปตามเรือกสวน กระโดดข้ามคูน้ำแคบๆ รวมเวลาแล้วชั่วอึดใจ ก็ถึงลานโล่งใต้ร่มไม้ใหญ่
ต้นไม้ขนาดเกือบคนโอบต้นนั้นเป็นต้นลำไย อายุอานามกะคร่าวๆ น่าจะเกิน 100 ปี ยืนต้น ตระหง่านมั่นคง ให้ร่มเงาแก่กระท่อมไม้โกโรโกโส ถัดออกไปไม่ไกล วัวแม่ลูกกำลังและเล็มหญ้าอย่างอารมณ์ดี
เย็นย่ำวันหนึ่งในหมู่บ้าน ในวงสนทนา ที่มาของการมาตามหาครอบครัวใต้ร่มไม้ในเช้าวันนี้ วันนั้นเราถามถึงความมั่นคงด้านอาหาร ถามว่ามีใครบ้างที่ไม่ได้ปลูกข้าวหรือปลูกข้าวไม่พอกินในบ้านห้วยอ้อยแห่งนี้ ครอบครัวยายชูกับตาเลี้ยวเป็นหนึ่งในไม่กี่ครอบครัวที่ว่า ผู้นำชุมชนบอกว่านอกนั้นครอบครัวอื่นๆ ส่วนใหญ่ปลูกข้าวโพดเป็นอาชีพหลักและปลูกข้าวไร่พอได้กินตลอดปี ไม่ต้องซื้อข้าวกิน
กระท่อมหลังน้อยมุงสังกะสีของยายชูขนาดพอกะด้วยสายตา กว้างยาวไม่น่าจะไม่เกินสามคูณสี่เมตร ขนาดหนึ่งห้องนอนกับหนึ่งระเบียงอเนกประสงค์ (รับแขก นั่งเล่น ห้องครัว และที่เก็บกระสอบข้าวเปลือก) ช่วงสายแดดเริ่มจัด แสงสีส้มส่องทะลุรูโหว่ตามร่องกระดานแตกๆ ที่กระจัดกระจายตามผนังรอบบ้านทุกทิศทาง
ภาพแรกที่เราเห็น ก่อนสวัสดีทักทายกัน ยายชูกำลังขะมักเขม้นกับการทำครัวอยู่ตรงระเบียงบ้าน ส่วนตาเลี้ยวชายชราใจดีอายุเกือบแปดสิบปี หูตึง หลังค่อม กำลังดูแลวัวแม่ลูกขนปุยสีทอง
กระท่อมโย้เย้ใต้ร่มไม้อันร่มรื่นนี้อยู่กันแค่สองตายาย ยายชูไม่มีลูก ต้องดูแลกันเอง หากนับเป็นเพื่อนสนิทได้เห็นทีก็จะมีแต่โรคหอบหืดของยายชูและโรคไตของตาเลี้ยว เห็นสภาพความเป็นอยู่ ทำให้อดเดาเลยไปถึงความเป็นไปในชีวิตไม่ได้ ผมเตรียมตัวรับฟังคำบ่นจากปากยายชู แต่ผมไม่ได้ยินคำนั้น
ยายเล่าเรื่องราวในชีวิต ตอบคำถามของเราด้วยท่าทางอายๆ แต่นัยน์ตาคู่นั้นแวววาวส่องประกายสดใสตลอดเวลา แกบอกว่าอาจลำบากหน่อยที่ไม่มีลูกไว้ช่วยดูแลยายกับตาตอนแก่เฒ่า แต่ถ้าคิดในแง่ดี หลายคนมีลูก ก็นำความเดือดร้อนมาให้ คุณยายได้หลานที่เป็นอบต.แวะเวียนมาดูแลบ้างเป็นระยะ พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามนัด ไปซื้อข้าวเปลือกที่หมู่บ้านอื่นมาให้ ฯ สายใยสัมพันธ์ของเครือญาติและในชุมชนยังเหนียวแน่นมากที่หมู่บ้านแห่งนี้
ยายบอกว่า สองตายายได้รายได้จากเบี้ยสงเคราะห์ผู้สูงอายุรวมๆ กันหนึ่งพันบาทก็พออยู่ได้ ปีสองปีก่อนข้าวโพดเริ่มกลับมาราคาดี ยายที่เรื้อเวทีทำไร่ไปนานเลยกลับมาทำกับเขาบ้าง ทำคนเดียวในพื้นที่เล็กๆ ให้หลานมาช่วยในบางกิจกรรมที่เกินกำลังคนแก่ ปีนี้ยายขายข้าวโพดไปแล้ว ได้เงินมาทั้งหมดสามพันบาท ยังไม่หักค่าใช้จ่าย ตานั้นไม่ได้มาช่วยทำด้วย แกมีภาระสำคัญอยู่กับวัวของแกที่ซื้อมาเลี้ยงไว้สักพักแล้วก็ขายไปเมื่อมีคนมาถามซื้อ เป็นรายๆได้เล็กๆ น้อยๆ อีกทาง
เราคุยกับยายพักใหญ่ก่อนลากลับกับคำถามสุดท้ายที่ว่า หากทำได้ ยายอยากเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตไหม คุณยายตอบเร็วแบบไม่ต้องคิดกับแววตาคู่เดิมที่เป็นประกาย “ ไม่หรอก มีชีวิตแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ”
ผมเดินออกจากกระท่อมหลังนั้น กับตะกอนคำถามในใจตลอดเวลา ถามถึงชีวิตตัวเองและใครอื่นอีกหลายคน ถามถึง “ เหตุปัจจัยและนิยามของความสุข ” ด้วยสถานะในชีวิตที่เอื้อกว่าอย่างมากมาย เรามีความสุขกว่าคนแก่สูงอายุฐานะยากจนที่เป็นโรคเรื้อรังและเกือบขาดไร้คนดูแลอย่างยายชูหรือไม่
เราออกจากหมู่บ้านหลังเที่ยง เพราะมีนัดคุยกันกับใครบางคนตอนบ่ายและเย็น ดูนาฬิกายังพอมีเวลา เห็นเป็นทางผ่าน เลยพาน้องแวะรีสอร์ทหรูเปิดใหม่ที่รับลูกค้าระดับไฮเอนด์ในราคาคืนละหลายพันบาท สั่งน้ำและขนมมากินกัน ในใจก็ยังคิด คิดตั้งคำถาม คิดถึงชีวิตยายชู คิดเปรียบเทียบบรรยากาศหรูของรีสอร์ทกับของกระท่อมไม้ใกล้พังที่แต่แสนร่มรื่นของคุณยายแก
บ่ายนั้น เบเกอรี่ชิ้นละเจ็ดสิบบาทของอดีตเชฟโอเรียนเต็ลรสชาติฝาดเฝื่อน ไม่อร่อยเหมือนทุกที
: บันทึกการเรียนรู้ชุมชนบ้านห้วยอ้อย กับน้องนักศึกษาทันตแพทย์ มช.ปี 6 คุณหมอปั๊บ มะปราง เมย์และขวัญ กุมภาพันธ์ 2552
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น