วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552

ครองตน ครองคน ครองงาน โดย ทันตแพทย์ วีระ อิสระธานันท์ (พี่กล้วย)




“ ครองตน ครองคน ครองงาน ” ความรู้สึกเมื่อได้ยินสามคำนี้ จากคนไหนก็ตามที่พูดให้เราฟัง เราจะรู้สึกว่าคนที่เล่าเรื่องนี้ให้เราฟังได้ ต้องเป็นผู้อาวุโสทางความคิด หรือ ที่น้องๆอาจเรียกว่า “แก่” พี่เองก็เคยคิดแบบนี้เช่นกัน พี่จะขอย้อนอดีต หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าย้อนรอยกลับไปเมื่อ 12 ปี ก่อนพี่ก็ยังเป็นเด็กจบใหม่เหมือนน้องๆ ที่กำลังจะก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยไปสู่โลกกว้าง เหมือนก้าวย่างที่เต็มไปด้วย ความหวาดกลัว ความกังวล ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ไปอยู่บ้านนอกหรือเปล่า แล้วที่กลัวที่สุดก็คนที่เรารักตอนเรียนอยู่เขา จะทรยศ รึเปล่าหว่า ถ้าเราไม่ได้อยู่ใกล้กับเขา เห็นไหมมีสิ่งน่ากลัวรอเราอยู่มากมาย


ต้องขอบอกว่าพี่เองรู้สึก ชิวๆ (Chillๆ) แปลว่า สั่นๆ เหมือนกัน อิ อิ อิ... กังวลใจไปซะทุกอย่างก่อนพี่จับฉลาก เลือก โรงพยาบาล มีการจัดงานเลี้ยงให้กับน้องๆ จบใหม่ แล้วก็มีหัวข้อนี้เลย “ ครองตน ครองคน ครองงาน ” เอ! มันอะไรหว่า ครั้งแรกที่ได้ยินเขาบอกรู้สึกแบบนี้เลย มันจะเหมือนกับการครองคู่ไหมหว่า สงสัยๆๆๆ ก็เลยอยากฟัง เพราะตอนนั้นอยากมีคู่แล้ว แต่ยังไม่พร้อม พอได้ฟังพี่เล่าให้ฟัง ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของการทำงานที่โรงพยาบาลนั่นเอง



ชีวิตทันตแพทย์ที่ต้องอยู่ในห้องแคบๆ มีเพื่อนร่วมงาน 3 - 4 คน ทำอย่างไรให้มีความสุข ก็อย่างที่บอกพอฟังแล้วเรารู้สึกว่ามันไกลตัวจังเลย สังคมของโรงพยาบาล คือโลกอีกใบ ที่เราคิดว่ามันช่างห่างเราประมาณโลกกับดวงจันทร์ประมาณนั้นเลย พี่ก็นั่งฟังแบบตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง หลับสลับตื่น เพราะไอ้ความคิดที่ว่ามันไกลเราไป ยังไม่เห็นต้องใส่ใจนี่เอง จึงทำให้พี่นอนฝันหวานไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดคำลงท้ายที่ว่า “ น้องครับ หวังว่าสิ่งที่พี่พูดให้น้องฟังในวันนี้ น้องจะเริ่มเอาไปใช้ในวันพรุ่งนี้เลยนะ ”



พี่ก็ถึงกับสะดุ้งตื่น มาด้วยความคิดว่า เออ! เราจะเป็นทันตแพทย์ภูธร วันพรุ่งนี้แล้วนี่หว่า ตายล่ะ เราจะเอาอะไรไปทำงานล่ะเนี่ย เมื่อกี้พี่แก่ๆคนนั้นเขาพูดอะไรให้ฟังมั่งหว่า อาการประมาณจะเข้าสอบ oral med แต่ลืมอ่านบทสุดท้ายเลย ไม่ได้การล่ะต้องไปหาหนังสือมาอ่าน “ มี ชีทให้ลอกไหม ไม่มี ” เพื่อนตอบ นิสัย Lectureหลับแล้วหา Xerox Lecture ก่อนสอบ ยังติดตัวอยู่เลย เฮ้อ! เบื่อตัวเองจริงๆ สุดท้ายก็คงต้องไปหาประสบการณ์ จากการทำงานล่ะ


ทีนี้ ทำไง ดีน๊า.. จำเป็น มากไหมที่ต้องมีเครื่องมือ “ ครองตน ครองคน ครองงาน ” ออกไปทำงานด้วยเนี่ย เอาล่ะ ! ไม่ถอยแล้ว ไปจับฉลากเลยดีกว่า อย่างน้อยตอนนี้เราต้องไปครองคู่ก่อน มีหนึ่งครองล่ะ และแล้วอีกวันถัดมา พี่ก็จับฉลากได้ที่โรงพยาบาลที่แสนสวยขนาด 10 เตียง อยู่ในหุบเขาอันไกลโพ้น โรงพยาบาลวังเหนือ จังหวัดลำปาง เป็นโรงพยาบาลแรก ที่พี่คนนี้จะต้องก้าวเดินเข้าไปอย่างมั่นคง ขาสั่นเล็กน้อย พอชิวๆ สะพายเป้ใบเดียวก้าวย่างไปอย่างมั่นใจ


โรงพยาบาลวังเหนือนั้นเป็นโรงพยาบาลขนาด 10 เตียง สังคมโรงพยาบาลเมื่อ 12 ปี ก่อนเป็นสังคมแห่งข่าวสารที่รวดเร็ว แค่พี่ก้าวเข้าไปในโรงพยาบาลเสียงตะโกนจากพยาบาลคนหนึ่งใน ER ก็ตะโกนบอกเพื่อนๆ ให้มามุงดูทันตแพทย์จบใหม่ จากกลุ่มพยาบาลมุงที่หน้าห้อง ER ข่าวสารก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่าระบบ Lan ในปัจจุบันเสียอีก แค่เดินไปถึงบ้านพักก็มีคนรู้จักชื่อเราแล้ว คนแรกที่เข้ามาทักทายเป็นคนขับรถของโรงพยาบาลที่บ้านอยู่ติดกัน “ หมอกล้วยใช่ไหมครับ ” ผมตอบ “ ใช่ครับ ” พี่คนขับรถก็พาเข้าบ้านพักอย่างไม่รีรอ “ หมอกินข้าวยัง มีอะไรให้ผมช่วยไหม เดี๋ยวเย็นนี้กินข้าวบ้านผมนะ ”





วันแรกที่เข้าไปถึงโรงพยาบาล วังเหนือ มีแต่มิตรภาพและไมตรี ที่ทุกคนมอบให้ ทั้งๆที่เราเป็นเพื่อนใหม่ผู้แปลกหน้าแต่คนเหล่านั้นยังต้อนรับเราอย่างอบอุ่นช่วยเหลือและให้ความจริงใจกับเราตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเห็น ความรู้สึกดีๆ ในวันแรกที่เข้าไปในโรงพยาบาลแห่งนี้ยังจำได้ชัดเจนจนถึงทุกวันนี้ สิ่งนี้อาจเป็นสิ่งแรกที่พี่ได้เห็นความงดงามของโรงพยาบาลภูธร ที่ห่างไกลความเจริญ เช่นนี้ และอาจเรียกได้ว่าเป็นความประทับใจแรก และมิตรภาพใหม่ที่ต่างจากที่เราได้เจอในมหาวิทยาลัย เรามักมีเพื่อนในวัยใกล้เคียงกัน แต่พอจบใหม่เป็นทันตแพทย์ใหม่ เราจะต้องเจอกับสังคมต่างวัย เมื่อเราคุยกับเพื่อนร่วมงานต่างวัยนี้สิ่งสำคัญ คือ ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่ต้องมีอยู่ตลอดเวลา รู้จักกาลเทศะเวลาเข้าหาผู้ที่อาวุโสกว่าเรา ให้เกียรติผู้อื่นไม่ว่าเขาจะมีหน้าที่การงานระดับใดก็ตาม การให้เกียรติผู้อื่นคงเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้


อาชีพทันตแพทย์ในโรงพยาบาล นั้นถือได้ว่าเป็นระดับนำที่ผู้ร่วมงานในโรงพยาบาลค่อนข้างจะให้เกียรติเราในระดับต้นๆเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าทันตแพทย์ ที่เข้าไปทำงานในโรงพยาบาลขาดซึ่งการให้เกียรติผู้อื่นก่อน พี่บอกได้เลยว่าเราก็จะไม่ได้รับเกียรติเป็นทันตแพทย์ในใจของคนในโรงพยาบาลทันที


พี่คงไม่ต้องพูดว่า เราควรให้เกียรติใครบ้างในโรงพยาบาล เพราะน้องๆคงรู้อยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมว่าสังคมไทยมักชอบผู้ที่เคารพ และให้เกียรติผู้อาวุโส ไม่ว่าเขาจะมีอาชีพใดก็ตาม จากความประทับใจในมิตรภาพของเพื่อนต่างวัยที่เราเจอ เราก็ถึงกับอดไม่ได้ที่เมื่อเจอใครก็ตามยกมือไหว้ไว้ก่อน เพราะเราคิดว่าเราเด็กสุดแล้ว ที่ไหนได้ โรงพยาบาลมักจะมีเด็กกว่าเราก็เยอะ ( แต่หน้าเราอ่อน แฮะๆ )


กว่าเราจะรู้สึกตัวว่าตัวเองแก่ ก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว เรียกคนนู้นพี่ คนนั้นพี่ ไปหมด พอมารู้ทีหลังอ้าว น้องเราเหรอ แต่ไม่เสียหายครับขอบอก แถม ยังทำให้เราดูเด็กอีกด้วย เมื่อต้องเริ่มทำงาน เราก็จะพบกับผู้อำนวยการ หมอ พี่ทันตแพทย์ (ถ้ามีนะ) ทันตาภิบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ คนงาน ยาม คนเปล พยาบาล อื่นๆ อีกมากมาย เห็นไหมมันเริ่มยากแล้ว รู้จักแต่คุยกับเพื่อนและจีบสาว จะทำไงดีล่ะ ทีนี้ พี่เริ่มตะเวนออกหาพันธมิตร(ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ทันทีคุยแนะนำตัวไปเรื่อย โดยเฉพาะผู้หญิง นี่จะต้องแนะนำตัวก่อนเลย เพราะเขาจะไม่กล้ามาคุยกับเราก่อน และแล้ว เราก็รู้จักคนนั้น คนนี้ คนโน้นเยอะจนเราจำชื่อเสียงเรียงนามไม่ได้


เมื่อเริ่มทำงานเผอิญพี่ต้องทำงานอยู่คนเดียว เลยต้องเป็นหัวหน้าฝ่าย คำถามถัดมาที่เกิดขึ้นในหัว คือ เอ? แล้วเป็นหัวหน้าเป็นไงล่ะ ต้องเบ่งไหม ต้องเต๊ะวางมาด ทำเป็นรู้ไหม งง ?? ล่ะ ทีนี้มันจะยากไหมน๊า ด้วยความสับสนในวันที่ไปทำงาน เราก็พบว่าสิ่งที่เราคิดไว้มันไม่ยากเลย เข้าไปห้องทำงานวันแรกเป็นห้องขนาด 6 เมตร x 4 เมตร มี unit 2 ตัว โต๊ะทำงานอีก 2 ตัว โห! ใหญ่มากเลยแค่เดินสวนกันก็ไม่ได้แล้ว (ห้องฟันสมัยเป็นโรงพยาบาล 10 เตียง เดี๋ยวนี้คงไม่ค่อยมีแล้วขนาดเท่าหนูดิ้นตายเนี่ย ไม่รู้ใครออกแบบ) แต่พี่เห็นประโยชน์จากการคับแคบนี่ วันแรกไปถึงก็ทักทายแนะนำตัว สวัสดีหมดทุกคนเลย “ ผม หมอกล้วยครับ ” แนะนำด้วยเสียงต่ำ ทุ้ม นุ่ม ลึก พี่ๆที่ห้องบอก “ รู้แล้วค่ะ ว่าชื่อหมอกล้วย ” อ้าว! งง เลย






ขอบอกสังคมโรงพยาบาลชุมชน เนี่ย แทบจะรู้จักหมอใหม่ก่อนที่เราจะไปถึงซะอีก แถมรู้ลึกนะว่ามีแฟนกี่คน จะแต่งงานเมื่อไหร่ พอมีลุ้นไหม ข้อมูลอะไรพวกนี้ไปก่อนที่เราจะไปถึงเสียอีกยิ่งเรื่องหน้าตานะ ไปก่อนเลยต้องขอบอก สวยไหม หล่อไหม อะไรพวกนี้ เผอิญพี่ก็หน้าตาพอไปวัดไปวาได้เหมือนกันเลยรู้ข้อมูลซะก่อน เอานอกเรื่องอีกล่ะ กลับเข้าเรื่องทำงานบ้างเข้าไปทำคนไข้ 3 คนแรก ถอนฟัน กะ โชว์ซะหน่อยปรากฏว่า รากหักไม่เหลือทั้ง 3 คน ต้องเรียกขอความช่วยเหลือจากพี่ทันตาภิ-บาล พี่แกชั้นเซียนแคะ 5 นาทีออก อิ อิ อิ .. เจอมืออาชีพแล้ว เราให้สอนเลย พี่สอนผมแคะหน่อย ดิ่ จับมือสอนเลยก็ได้พี่ (มีแผน)


จากวันนั้นก็ได้เรียนรู้เทคนิคดีๆ จนเป็นมือโปรได้ถึงทุกวันนี้ ก็จากเพื่อนร่วมงานนี่แหล่ะ ตกเย็น ก็ไปกินเลี้ยงกันนั่งกินกันไปคุยเรื่องงานกันไปจนดึกจนดื่นไม่มีเบื่อ พี่ทันตาภิบาล พี่ผู้ช่วย น้องลูกจ้างของห้องเราสลับสับเปลี่ยนกันเล่า เรื่องนู้น เรื่องนี้อย่างมีความสุข ด้วยการที่เราเองเป็นคนชอบฟังเรื่องราวและเก็บมาเล่า เราก็มีเรื่องต่างๆเล่าให้ฟัง การประชุมงานวันนั้น ก็เป็นการประชุมเล็กๆ ที่มีคุณค่ามากประชุมนึง ในชีวิตเลยทีเดียว



เพื่อนร่วมงานรู้จักความเป็นตัวเราตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน ยังจำได้แม่นว่าวันแรกที่ทำงาน อยู่ที่ทำงานเกือบเที่ยงคืน ทำคนไข้ตั้งแต่เช้านับรวมกันได้ 4 คน เวลาที่เหลือนั่งคุยกัน จากห้องฟันเล็กๆ เราได้เรียนรู้สัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ นอกห้องฟัน ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ทำให้พี่เองรู้สึกว่าได้ค้นพบโลกใบใหม่อีกใบหนึ่ง การมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน การใส่ใจเรื่องต่างๆ รอบตัวเรามีค่า เช่นนี้ นี่เอง จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พี่ค้นพบว่า การวางตนที่ดี เหมาะสม ความอ่อนน้อมถ่อมตน การให้เกียรติผู้อื่น จะทำให้เราได้ใจของผู้ร่วมงาน และสุดท้ายงานเป็นเพียงผลพลอยได้จากการมีเพื่อนมากมาย มีคนคอยช่วยเหลือทันตแพทย์คนหนึ่ง ที่กำลังจะก้าวออกไปสู่สังคมอีกสังคมหนึ่ง ได้อย่างมีความเชื่อมั่น และสามารถผลักดันศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองออกมาได้อย่างสูงสุด


นับจากที่พี่ต้องมาเป็นทันตแพทย์ภูธร จากวันนั้นถึงวันนี้ เวลาผ่านมา 12 ปี กว่าๆ พี่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมาย จนหล่อหลอมให้เรากลายเป็นทันตแพทย์ ที่มีอาวุธที่ใช้ทำให้เราอยู่ในสังคมภายนอกได้เป็นอย่างดี เป็นอาวุธที่ผลักดันจุดเด่นที่มีในตัว ศักยภาพที่เรามีอยู่ ให้ออกมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ การทำงานใดๆ ก็ตาม มักต้องเริ่มต้นด้วยสิ่งที่เรามีอยู่ หรือความคิดที่เราเป็น ปัจเจกของตัวเรา (Individual) และมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้นการให้ความสำคัญต่อกลุ่มคน ที่มีความคิดคล้ายกัน หรือมีความชอบในลักษณะเดียวกัน หรือแม้กระทั่งการรวมตัวกันทำงานที่เป็นลักษณะเดียวกันเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ ในการทำงาน กลุ่มแบบนี้คือกลุ่มของความคิด (Node) สุดท้ายจะก่อให้เกิด การยอมรับที่กว้างขวางส่งผลกระทบต่อสังคมได้อย่างชัดเจน ที่เรียกว่าเกิดเครือข่ายของการทำงาน (Net work)


เห็นไหมครับว่าเรื่องนี้ ง่ายนิดเดียวถ้ารู้จักใช้จริต ในการทำงาน แต่อย่าไปดัดนะเดี๋ยวเขาจะด่าเอา ถ้านับจากวันที่พี่นั่งหลับ ในวันก่อนจับฉลาก เมื่อ 12 ปีก่อน จนมาถึงเดี๋ยวนี้ ก็รู้สึกว่าการได้พูดกับน้องๆ ในเรื่องนี้ คงเป็นกรรมเก่าที่พี่เคยนอนหลับในห้องนั้นก็ได้ ดังนั้นน้องที่อ่านถึงตรงนี้ (ถ้าไม่เผลอหลับไปก่อน)


ทุกวันนี้พี่ก็ยังได้ใช้ ชีวิตของทันตแพทย์ภูธรคนหนึ่งที่ยังคงมีความสุขกับเพื่อนร่วมงานสังคมในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาล เราไม่สามารถที่จะทำงานโดยลำพังตนเองนานๆได้หรอก ถ้าไม่เชื่อก็ลองทำในสิ่งตรงกันข้ามกับที่บอกสิ ไม่กล้าใช่เปล่า เมื่อเราได้ใช้ชีวิตในการทำงานมาระยะหนึ่ง ความสุขในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้เราสามารถทำงานต่อไปได้



ขอบอกเลยครับ ในวันนี้พี่ไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลเล็กแห่งนั้นแล้ว ในวันนี้พี่อยู่ที่โรงพยาบาลแม่จัน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 90 เตียงใหญ่กว่าตั้ง 80เตียงแนะ แต่ความทรงจำและการได้ใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลเล็กแห่งแรกยังคงอยู่ในความทรงจำที่ชัดเจนในใจ และยังได้ติดอาวุธในการทำงานร่วมกับผู้อื่นมาให้เราอีกด้วย ทุกวันนี้พี่จึงสามารถอาศัยอยู่ในสังคมของโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่าเดิมได้อย่างมีความสุขได้ใช้ศักยภาพของเราได้อย่างเต็มที่


พึงระลึกไว้เสมอว่า “ครองตน ครองคน ครองงาน” สามอย่างนี้ น้องจะได้ใช้ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวสู่โรงพยาบาลเป็นทันตแพทย์อย่างเต็มภาคภูมิ ขอให้ย่างก้าวของทันตแพทย์ใหม่ ได้ก้าวย่างอย่างมั่นคง สง่างาม และอย่าลืม ก้าวอย่างชิวๆ นะครับ

0 ความคิดเห็น: