เกริ่นอดีต
จำได้ว่า ช่วงที่ผมเริ่มเข้าเรียนปี ๑ ของคณะทันตแพทยศาสตร์ มหิดล เมื่อปี ๒๕๒๒ เป็นช่วงแรกๆ ของกำเนิดชมรมทันตสาธารณสุขภูธร หรือเรียนสั้นๆว่า ชมรมทันตภูธร ผมได้เข้าไปร่วมรับฟังการพูดคุยของพี่ๆ แบบไม่ค่อยรู้เรื่องราวนัก รู้เพียงว่า ปีนั้น พี่เฉลิมชัย ที่ สสจ.ลำปาง รับอาสาทำหน้าที่ประธานชมรมทันตสาธารณสุขภูธร ต่อจากพี่พรรณี กระทั่งผมเรียนจบและเริ่มออกไปบรรจุเป็น ทันตแพทย์คนแรกของอำเภอวาปีปทุม จ.มหาสารคาม ในปี ๒๕๒๘ จึงเริ่มรู้จักชมรมทันตสาธารณสุขภูธรมากขึ้น
ในช่วง ปี ๒๕๒๔ หรือประมาณนั้น เริ่มมีวารสารทันตภูธร ออกสู่สายตาพี่ๆน้องๆ ทันตแพทย์ , ทันตาภิบาล ในโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) และน้องๆ นักศึกษา ในคณะ เป็นระยะๆ มีพี่ๆ นักเขียนฝีมือดีหลายท่านหลายสไตล์ ช่วยนำเรื่องราวน่าประทับใจใน รพช. เล่าผ่านวารสาร เพื่อสื่อสารให้กำลังใจระหว่างกัน และสร้างแรงจูงใจให้น้องๆ อยากออกไปทำงานรับใช้ประชาชนในชนบท (ผู้เสียภาษีทางอ้อม ให้เราได้เล่าเรียนจนมีอาชีพที่มั่นคง)
รวมถึงส่งข่าวความเคลื่อนไหวในการแก้ปัญหาต่างๆ ของการทำงานทันตสาธารณสุขใน รพช. น่าจะเรียกได้ว่า ในทศวรรษนั้น เป็นยุคบุกเบิกการทำงานทันตฯ ใน รพช.อย่างกว้างขวาง เพราะเริ่มมี ทันตแพทย์อาสาสมัครออกไปทำงานใน รพช. ในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน (จากเดิมปีละ ๒-๓ คน เพิ่มเป็นเลขสองหลักตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๒๒ ) ซึ่งน่าจะมีผลจากกระบวนการเรียนรู้ในช่วงความตื่นตัวทางการเมืองหลังเหตุการณ์ ๑๖ ตุลา ๒๕๑๖ และถ่ายทอดสืบเนื่องมาอีกเกือบทศวรรษ กระทั่งมีการผลักดันให้ นักศึกษาทันตแพทย์ทำสัญญาใช้ทุนในปี ๒๕๒๖ และเริ่มมี ทันตแพทย์คู่สัญญา ออกไปทำงานใน รพช.เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๓๒
เป็นที่รับรู้กันว่า การมีทันตแพทย์ออกไปทำงานใน รพช. จำนวนมาก ทั้ง ๒ ระลอก ส่งผลให้มีการสะท้อนปัญหาต่างๆ ทั้งการขาดแคลนยูนิต เครื่องมือ สถานที่ งบประมาณ ตำแหน่งผู้ช่วยทันตแพทย์ รวมถึงอัตราตำแหน่งและความก้าวหน้าของทันตแพทย์-ทันตาภิบาล และปัญหาการทำงานอื่นๆ จึงเป็นสถานการณ์ที่ประธานชมรมทันตสาธารณสุขภูธร และตัวแทนชมรมฯ รวมทั้ง “ วารสารทันตภูธร ” ต้องทำหน้าที่สื่อสาร และเป็นตัวแทนเรียกร้องให้ทางส่วนกลางของกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการแก้ไข กระทั่งผู้แทน “ ชมรมทันตสาธารณสุขภูธร ” ได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวแทนของผู้ปฏิบัติงานด้านทันตฯ ในชนบท (ซึ่งเรียนรู้ควบคู่ และเติบโตคู่ขนานกันไปกับชมรมแพทย์ชนบท)
และในช่วงที่เริ่มมี ทันตแพทย์ใช้ทุน ทางสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขโดยกองสาธารณสุขภูมิภาค และกองโรงพยาบาลภูมิภาค (ซึ่งยุบรวมเป็นสำนักเดียวกัน หลังจากการปรับโครงสร้างกระทรวง ปี๒๕๔๔) ได้จัดให้มีการปฐมนิเทศทันตแพทย์จบใหม่ทุกปี และเป็นเวทีสืบทอดการทำงานและคนทำงานของชมรมทันตสาธารณสุขภูธรอย่างต่อเนื่อง แต่ก็อ่อนล้าโรยแรงลงตามลำดับ และเมื่อกระแสปรับโครงสร้างในกระทรวงแรงขึ้นๆ การปฐมนิเทศสำหรับทันตแพทย์จบใหม่ ก็ถูกยกเลิกไป
ผมได้รับหน้าที่ประธานชมรมในช่วงปี ๒๕๓๖-๒๕๓๙ (ขออภัยหากจำคลาดเคลื่อนไปบ้าง เพราะเริ่มแก่) เป็นช่วงที่ประธานทำทุกอย่าง และหน้าที่หลักคือพยายามรักษาชีวิตของข่าวสารทันตภูธรให้ยืดยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้(แบบทุลักทุเล) กระทั่งเริ่มมีน้องใหม่ไฟแรงอย่างคุณหมอแพร และคุณหมอวัฒนา มารับช่วง ทำให้สถานการณ์และเนื้อหาของข่าวสารมีการพัฒนาขึ้น และน่าจะถึงยุคโชติช่วงอีกครั้งของวารสารทันตภูธร ในช่วงคุณหมอนิธิมา รับเป็นบรรณาธิการวารสารในปัจจุบัน
วิเคราะห์อดีต เชื่อมต่อปัจจุบัน.. ทางหลายแพร่ง ที่ต้องเลือกของชมรมทันตสาธารณสุขภูธร
๑) สถานการณ์ในอดีต เป็นตัวผลักดันการเกิดของชมรมฯ ซึ่งเป็นเพราะการมีปัญหาร่วมกันของกลุ่มทันตแพทย์ ในประเด็นที่เป็นอุปสรรคต่อภารกิจการให้บริการเพื่อประชาชน position หรือบทบาทของชมรมฯ จึงเป็นการรวมพลัง สร้างความเข้มแข็ง และเป็นตัวแทนสื่อสาร ให้หน่วยงานส่วนกลางแก้ไขปัญหา ซึ่งเดิมหน่วยงานส่วนกลางมีเฉพาะในกระทรวงสาธารณสุข การทำงานของชมรมฯ จึงไม่ซับซ้อนมากนัก การแก้ปัญหา (โดยส่วนกลาง) มีความก้าวหน้าเป็นรูปธรรม (เช่น การสนับสนุนยูนิตทำฟัน การปรับกรอบอัตรากำลังและความก้าวหน้า) แต่ความมีส่วนร่วมของสมาชิกก็มีน้อยอย่างยิ่ง
๒) ปัจจุบัน โครงสร้างและกลไกการทำงานสาธารณสุข (การมี สป.สช. / สช. / สสส.) และโครงสร้างระบบใหญ่ด้านการกระจายอำนาจ (การมี อบจ. / อบต. และการโอนถ่ายภารกิจ-หน่วยงานย่อย) ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในการจัดความสัมพันธ์ขององคาพยพต่างๆ ในระบบสาธารณสุข ปัญหาที่เกี่ยวข้องก็ซับซ้อนมากขึ้น จึงน่าจะถึงเวลาของการทบทวน position โครงสร้างและกลไกของชมรมฯ อย่างถึงแก่นกันใหม่โดยมีเป้าหมายปลายทางคงเดิมคือ การทำให้ประชาชนมีสุขภาพดี
ผมอยากท้าทายทุกท่าน ด้วยคำถามปลายเปิดต่อไปนี้ เพื่อให้ทีมงานและสมาชิกชมรมทันตสาธารณสุขภูธร ทั้งใหม่-เก่า ลองพิจารณาไตร่ตรอง...ทั้งนี้ ทุกข้อเป็นคำถามที่ต้องตอบไปพร้อมๆ กัน เพราะเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก คำถามมีว่า...
- จุดแข็งของชมรมฯ และสมาชิก คืออะไร เราจะนำจุดแข็งนี้มาพัฒนาต่อยอด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชมรมฯได้อย่างไร
- บทบาท(function)อะไร เป็นเรื่องที่ชมรมฯควรทำ และเป็นประโยชน์ทั้งต่อสมาชิก และต่อประชาชนที่จะได้รับ บริการ - การดูแลสุขภาพ ที่มีคุณภาพมากขึ้น
- สมาชิกชมรมฯ ยังควรมีความหลากหลายแบบเดิม (ในขณะที่ ก็มีชมรมทันตาภิบาล และชมรมผู้ช่วยทันตแพทย์ อยู่แล้ว) หรือควรตัดสินใจให้มี focus ของกลุ่มสมาชิกเฉพาะทันตแพทย์ เพื่อชมรมฯจะได้สามารถวางทิศทางการทำงานที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
หากตอบคำถามเหล่านี้ได้ชัดๆ ผมคิดว่า เราจะช่วยกันวางเส้นทางอนาคตของชมรมฯ ได้ชัดเจนขึ้น และมีโอกาสที่จะเข้มแข็งมากขึ้น อันเนื่องมาจากโอกาสที่ระบบสุขภาพเปิดกว้างมากขึ้นในปัจจุบัน ผมจะลองตอบคำถามเหล่านี้พร้อมกับให้ข้อสังเกตส่วนตัวไว้ด้วย เพื่อสร้างทางเลือกที่บางท่านอาจนำไปไตร่ตรอง และหาทางเลือกอื่นๆ มาเป็นตัวเทียบเคียง...
...จุดแข็งของชมรมทันตสาธารณสุขภูธร น่าจะอยู่ที่การมี พี่ๆ ที่มากความสามารถ และยินดีให้การสนับสนุน รวมทั้งเครือข่ายของพี่ๆและสมาชิก ยังมีโอกาสเชื่อมต่อกับช่องทางใหม่ๆ ของระบบสุขภาพได้อย่างกว้างขวาง (แต่ชมรมก็มีจุดอ่อน ที่ยังไม่สามารถจัดการเพื่อดึงศักยภาพเหล่านี้มาใช้ได้มากนัก)
ในด้านสมาชิก ผมคิดว่า น่าจะถึงเวลาปฏิวัติให้ชมรมฯมีสมาชิกชมรมฯที่เป็นทันตแพทย์เท่านั้น เพื่อจะ focus การทำงานให้ชัดเจน และโดยนัยตลอดมา บทบาทชมรมฯก็เป็นการดูแลกลุ่มทันตแพทย์เป็นหลักอยู่แล้ว ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ชมรมฯ จะไม่เหลียวแลเพื่อนร่วมงานอย่างทันตาภิบาลหรือ ผู้ช่วยทันตแพทย์ แต่ควรมีความร่วมมือกับชมรมวิชาชีพของแต่ละกลุ่ม อย่างเสมอภาคกันมากกว่าการร่วมเป็นสมาชิกแต่มีเพียงวารสารทันตภูธรเท่านั้นที่เชื่อมโยงความเป็นสมาชิก นอกจากนั้น ผมยังคิดต่อว่า การเป็นสมาชิกวารสารทันตภูธร น่าจะแยกออกจากการเป็นสมาชิกชมรมทันตสาธารณสุขภูธรได้ เพราะแม้ function หนึ่งของชมรมฯจะเป็นการทำวารสาร (ซึ่งยังควรต้องทำต่อไป) แต่ภารกิจสำคัญควรขยับขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
จากสิ่งที่ลองตอบข้างบน นำมาสู่ข้อสรุปของผมเองว่า ชมรมทันตสาธารณสุขภูธรน่าจะมีภารกิจสำคัญ ในการจัดกระบวนการพัฒนาสมรรถนะของทันตแพทย์ (โดยอาศัยขุดแข็งดังกล่างข้างต้น)เพื่อให้สามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของเงื่อนไขแวดล้อมต่างๆ อย่างทันสถานการณ์ ช่วยให้การดูแลสุขภาพประชาชนมีประสิทธิภาพ-ประสิทธิผลมากขึ้น ตัวทันตแพทย์ที่เป็นสมาชิกก็จะมีโอกาสและทางเลือกต่างๆที่เหมาะสมกับความถนัดของตนมากยิ่งขึ้น การเกื้อกูลระหว่างสมาชิกกับชมรมฯ จะพัฒนาให้ชมรมฯกลายเป็นสถาบันที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นในอนาคต (น่าจะมีทีมงานที่สามารถทำงานเกือบ fulltime โดยมีค่าตอบแทนจากรายได้ของชมรมฯที่มาจากภารกิจที่เป็นที่ต้องการของสมาชิก)
...แต่ทั้งหมดนี้ ยังมีช่องว่างอีกมากที่ต้องถม คงขอฝากให้ทุกท่านช่วยกันคิดต่อดังๆ ผ่านเวทีวารสารทันตภูธรหรือเวบไซต์ของชมรมทันตสาธารณสุขภูธรต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น