วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Dentistry Save the World :



โดย..ทพ.จำเริญ ลีลามโนธรรม


ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ผมเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ นครราชสีมา ใครๆก็รู้ว่าภาคอีสานแล้งและร้อน ซึ่งในฤดูร้อน อากาศก็ร้อนกำลังดี แต่ในฤดูหนาวกลับหนาวเหน็บ หนาวรุนแรง แบบว่าหายใจเข้าออกเป็นหมอกเป็นไอขาว พูดแล้วหลายคนอาจหาว่าผมขี้โม้ หนาวขนาดที่ปากผมปริแตกเลือดซิบ จนมีแผลเป็นที่ริมฝีปากบนของผม ( ดูคล้ายเป็นแผลเป็นจากเย็บปิดปากแหว่ง ถ้าเจอหน้าผมแล้วขอดูได้ครับไม่ว่ากัน ) แต่ปัจจุบันผมไม่เคยพบอากาศหนาวเย็นขนาดนั้นที่โคราชบ้านผมอีกเลย ผมเริ่มตระหนักแล้วว่า โลกของเราร้อนขึ้นจริงๆ หรือทุกคนว่าไม่ใช่

โลกของเราเกิดขึ้นมาราว 3600 ล้านปีที่แล้ว โลกอยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกลจากดวงอาทิตย์ ดาวพุธอยู่ใกล้เกินก็เลยร้อนมาก ดาวอังคารไกลเกินหนาวไปหน่อย สิ่งมีชีวิตอยู่ไม่ได้บนดาวทั้ง 2 ดวง โลกของเราอยู่กลางๆ ภูมิอากาศเหมาะสม ไม่ร้อน ไม่หนาว แบบว่ากำลังดี สิ่งมีชีวิตจึงเกิดขึ้นมาได้ สภาวะอากาศก็เปลี่ยนแปลงขึ้นๆ ลงๆ มาโดยตลอด ผ่านยุคน้ำแข็งมาแล้วหลายครั้ง แต่อากาศก็ยังคงเหมาะสมเสมอมา มนุษย์เราเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 1 แสนปีที่แล้ว ถ้าเปรียบเทียบระยะเวลา 3600 ล้านปี เท่ากับระยะเวลา 1 ปี คนเราเพิ่งเกิดเมื่อ วินาทีสุดท้ายของวันที่ 31 ธันวาคม

แม้มนุษย์เราเพิ่งเกิดได้เพียงไม่นานเมื่อเทียบกับอายุโลกแต่ มนุษย์เราก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอากาศบนโลกของเราได้รวดเร็วและรุนแรงมาก โดยเฉพาะในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา จนเกิดภาวะโลกร้อนอย่างในปัจจุบัน เราต้องไม่ลืมด้วยนะครับว่าพื้นดินบนโลกของเรามีขนาดเท่าเดิม แต่คนเรามีมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็ต้องการที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย เพื่อทำการเกษตร เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ เราต้องหา และต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติ น้ำ ต้นไม้ แร่ น้ำมัน ถ่านหิน และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งทุกอย่าง ทำให้เราต้องขยายพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ ป่าที่เป็นแหล่งผลิตออกซิเจนก็มีขนาดเล็กลง เล็กลงเรื่อยๆ ป่าขนาดใหญ่กลายเป็นป่าเกาะ ขนาดเล็กๆ กระจัด กระจาย ความอุดมสมบูรณ์ลดลง ออกซิเจนเริ่มลดลง ลดลง ขณะที่ คาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงาน จากรถยนต์ก็มากขึ้น มากขึ้น โลกเราก็ร้อนขึ้น ร้อนขึ้น แล้วพวกเราจะช่วยโลกสวยงามใบนี้ได้อย่างไร เราจะส่งมอบโลกใบนี้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานของเราอย่างภาคภูมิใจ ว่าเราส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เค้า ได้ไหม อันนี้น่าคิดนะครับ

ทรัพยากรเป็นสิ่งที่มีจำกัดนะครับ ในอนาคตจะต้องหมดไป ผมคิดว่าเราต้องช่วยกันประหยัด และใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด เราอาจมองว่า กระดาษ 1 แผ่น ขวดน้ำพลาสติก 1 ขวดราคาไม่เท่าไหร่ทิ้งก็ได้ เพราะเราตีค่าเป็นตัวเงิน แต่หากเรามองให้ลึกกว่านั้น เราไม่สามารถผลิตสิ่งเหล่านี้เองได้ ถ้าธรรมชาติไม่ได้สร้างวัตถุดิบมาให้เรา จะเป็นการดีกว่าไหมถ้าเราจะช่วยกันรักษาโลกใบนี้ของเราให้น่าอยู่ตลอดไป หลายคนบอกว่านักวิทยาศาสตร์กำลังหาดาวเคราะห์ใบใหม่ทดแทนโลกอยู่ ถ้าโลกเราอยู่ไม่ได้แล้ว ผมว่ามันจะหาได้เหรอ แล้วมันไกลเกินเอื้อมหรือเปล่าที่จะหวังเช่นนั้น โลกเราอาจเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ก็ได้นะครับ ลองนึกดูนะครับว่าตั้งแต่ เราตื่นจนเรานอนหลับเรามีกิจกรรมที่ใช้ทั้ง น้ำ ไฟฟ้า น้ำมัน กระดาษ พลาสติก อาหาร แก้ว โลหะ แล้วมันจะสิ้นเปลืองมากมายขนาดไหน ถ้าเราใช้แบบไม่คิดบ้าง ไม่พิจารณาบ้าง


ในหลวงท่านทรงเป็นตัวอย่างที่ดีในการประหยัดทรัพยากร ยาสีฟัน 1 หลอด ท่านก็ทรงใช้อย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด ขนาดทรงใช้ด้ามแปรงสีฟันกดหลอดยาสีฟัน จนหมดจริงๆแล้วค่อยเปลี่ยนใหม่ รองเท้าท่านก็ทรงซ่อมแล้วซ่อมอีกจนกว่าจะชำรุดจริงๆ แล้วพวกเรา ถ้าช่วยกันคนละไม้ คนละมือก็ น่าจะดีครับ

เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ย. ผมได้ดูรายการย้อนรอย ทางช่อง TITV ทางรายการ ได้พาไปดูธุรกิจการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นเงิน ที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งถ้าใครได้ดูอย่างผมจะรู้สึกว่า จริงๆแล้วขยะที่เราทิ้งทุกวัน แปรเป็นเงินได้ทุกอย่าง กระดาษที่ใช้แล้ว ลังกระดาษใส่ของ ขวดน้ำดื่ม ขวดแป้ง ยาสระผม แปรงสีฟันเก่า รองเท้าเก่า คอมพิวเตอร์ แผงวงจร สายไฟ กล่องนม เศษแก้ว กระจก น้ำมันที่ทอดอาหารแล้ว กระป๋องน้ำอัดลม เศษเทียนไข เศษโฟม และอีกมากมาย ขยะเหล่านี้จะถูกจัดแยกและขายเป็นวัตถุดิบในการผลิตสิ่งของกลับมาให้เราใช้ซ้ำแล้ว ซ้ำอีกได้ไม่มีวันหมด เจ้าของธุรกิจต้องการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นเงิน ต้องการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และต้องการลดขยะในโลกนี้ ปัจจุบันเจ้าของธุรกิจก็กลายเป็นด็อกเตอร์ไปแล้ว โรงงานแยกขยะก็กลายเป็นแหล่งศึกษาดูงานของคนจำนวนมาก รวมทั้งเด็กนักเรียนเยาวชน นักศึกษา ในการสร้างจิตสำนึกการใช้ทรัพยากร ใครอยากดูงานก็ไปพิษณุโลกเลยครับ




คิดแล้วผมก็ขอนำเสนอหลักการ 4 R ที่ผมได้อ่านมาตั้งแต่เป็นเด็กมีดังนี้

1. Reduce การลดการใช้อย่างเหมาะสม เช่น ประหยัดไฟ โดยการ ปิดไฟที่ไม่จำเป็น , ต้มน้ำร้อนเท่าที่ต้องกิน , ประหยัดน้ำมันด้วยการ ทางเดียวกันไปด้วยกัน วางแผนก่อนเดินทางจะได้ทำธุระครบ , ขับรถความเร็ว 90 กม. / ชม. ประหยัดน้ำด้วยการ เอาน้ำซักผ้าไปรดต้นไม้ ,ซักผ้าเมื่อมีผ้าปริมาณเหมาะสม ประหยัดเงิน คิดก่อนซื้อ ซื้อของที่ต้องใช้จริงๆ จะได้ไม่ช็อบปิ้งจนกระเป๋าแฟบ

2. Repair สิ่งของในบ้าน อะไรที่ซ่อมแซมได้ก็ซ่อม ลดการเสียเงินมากโดยไม่จำเป็น

3. Reuse การใช้ซ้ำ กระดาษควรใช้ทั้ง 2 หน้า

4. Recycle การเอาของที่จะทิ้งไปขาย เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตสิ่งของกลับมาให้เราใช้อีกผมแสดงราคาให้ดูสนุกๆ กระดาษลัง 3.5 บาท / กก. , กระดาษสมุด 7 บาท / กก. , กระดาษย่อย 3.50 บาท / กก. , พลาสติกรวม 8 บาท / กก., กระปุกน้ำเกลือ 10 บาท / กก., ขวดแก้วแอลกอฮอล์ 0.3 บาท / กก.

เป็นอย่างไรครับ น่าสนใจไหม โรงพยาบาลของผมแค่ 30 เตียง ขยะมีไม่มากเท่าไหร่ แต่ในปี 2549 ขายได้เงินทั้งหมด 11,637 บาท เงินส่วนหนึ่งเราก็นำมาแบ่งปันให้ลูกจ้างที่ช่วยกันเก็บรวบรวมขยะ และอีกส่วนหนึ่งก็นำมาจัดแข่งกีฬาภายในโรงพยาบาล เห็นไหมได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย โรงพยาบาลไหนยังไม่ได้รวบรวมขยะมาขายก็ฝากทันตบุคลากร ไปสร้างกระแสให้กับคณะกรรมการโรงพยาบาลก็จะเป็นการดี


สำหรับงานทันตสาธารณสุข เราจะใช้หลักการ 4 R ได้อย่างไรบ้าง ที่ผมทำอยู่ก็มีเช่น
1. กล่องส่งฟันปลอม และเชือกห่อพัสดุ ผมจะค่อยๆแกะเชือกที่ห่อกล่องพัสดุ โดยไม่ใช้การตัด รวมทั้งกล่องผมก็ค่อยๆแกะ ไม่ให้กล่องขาด จะได้เอามาใช้ห่อแล้วส่งฟันปลอม ไปยัง lab ได้อีก ที่ผ่านมา 4-5 ปี ทางฝ่ายไม่ได้ซื้อกล่องส่งฟันปลอมและเชือกเลย นับว่าประหยัดเงินได้มาก รวมทั้งยังมีเชือกที่เหลือใช้อีกมากมาย ฝ่ายอื่นที่ต้องส่งของก็ขอกล่องและเชือกไปใช้ได้อีก ส่วนกล่องที่เก่าเกินไปก็นำไปขายได้เงินอีก


2. ซี่ฟันปลอมที่เหลือจากการเรียงฟัน ที่เราได้จากห้องlab ที่ส่งกลับมาให้ เรามีจำนวนมากตอนแรกก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยช่วยกับน้องหมอที่อยู่ด้วยกัน แบ่งใส่กล่อง 4 กล่อง ฟันหน้าบน ฟันหน้าล่าง ฟันหลังบน ฟันหลังล่าง คราวนี้เราก็เลือกใช้ซี่ฟันปลอมที่มีอยู่ ให้ผู้ป่วยที่มาทำฟันปลอมได้ แม้จะไม่ได้ทุกคน มันก็ยังดีกว่าการทิ้งไว้อย่างนั้น ลดค่า lab ลงไปได้บ้างก็ยังดี
แล้วทันตบุคลากรท่านอื่นได้ทำอะไรที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากร ช่วยโลกใบนี้บ้าง ใครมีความคิดดีๆ ลองเขียนมาอวด มาโชว์กันบ้างก็น่าจะดีนะครับ เรื่องดีๆจะได้ขยายและ บอกต่อกันไปเรื่อยๆ ถ้าพวกเราช่วยๆกันทำ โลกที่ร้อนในตอนนี้ อาจค่อยๆเย็นลง ไม่แน่นะครับในอนาคตคนกรุงเทพอาจได้ใส่เสื้อกันหนาวกันนานเป็นเดือน

ด้วยความหวังดี

DINODENTIST

0 ความคิดเห็น: