วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เรื่องเล่าจากภูอังลัง : 18 บาท โดย หมอฟันไทด่าน




ผมเพิ่งหาเงินได้ 18 บาท ดูตัวเลขแล้วย้อนเทียบวัดกับยุคข้าวยากหมากแพงเช่นทุกวันนี้ก็คงจะดูน้อยๆ นะครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นเงินก้อนสำคัญก้อนหนึ่ง เลยมีความภูมิใจกับมันเป็นพิเศษ ตอนรับมันมาไว้ในมือ ทำให้ถึงขั้นครึ้มอกครึ้มใจกันเลยทีเดียว

.................................................................................................

หลายเดือนหรือไม่แน่อาจถึงปี ที่ไม่รู้เพราะเห่อกระแสโลกร้อนไปกับเขาหรือนึกอะไรขึ้นมาได้เอง ผมก็จำไม่ได้เสียแล้ว จำได้แต่ว่าผมไปเอากะละมังกับถังเก่าๆ อย่างละใบขนาดใหญ่พอประมาณ จัดหาที่วางมันไว้ใต้ซิงก์น้ำในครัวนอกบ้าน และก็ทำการแยกขยะที่คิดเอาเองว่าน่าจะพอขายกลับไปรีไซเคิลได้ แทนที่จะทิ้งลงถุงดำรวมกับขยะทั่วไปที่จะถูกทิ้งไปเปล่าๆ

ผมไม่รู้ค่าของมันเมื่อเทียบเป็นเงินหรอกครับ นึกแต่ว่าน่าจะช่วยลดขยะและลดการใช้ทรัพยากรให้โลกโดยส่งคืนสิ่งที่มีอยู่แล้วกลับไปใช้ใหม่ ขยะมีค่าเหล่านี้ เท่าที่นึกออกก็เป็นพวกขวดแก้วทั้งสีชาและสีใส ขวดพลาสติก แก้วกระดาษ กระป๋องนม กล่องนมที่เป็นกระดาษ ฯลฯ พอมันเต็มถังกับกะละมังทีนึง กะคร่าวๆ ครั้งนึงก็น่าจะเดือนนึงได้ ก็ขนไปเทกองไว้ที่ตะแกรงพักขยะรอขายของโรงพยาบาล

โรงพยาบาลที่ผมทำงานอยู่เขามีนโยบายให้ทุกฝ่ายเก็บขยะของตัวเองมาขายหารายได้โดยเข้าฝ่ายใครฝ่ายมัน โดยได้แต่งตั้งผู้ดูแลกลางไว้คนหนึ่ง เป็นน้องผู้ช่วยจากห้องยา ซึ่งมีการแบ่งเปอร์เซ็นเล็กๆ น้อยๆ ให้เป็นค่าบริหารจัดการ มีคนเข้ามารับซื้อถึงที่ การซื้อขายก็จะบันทึกข้อมูลไว้ เก็บเงินไว้ที่กองกลาง สิ้นปีทีหนึ่งจึงเอาเงินมาแจกจ่าย บางหน่วยงานขยะเยอะหน่อย อย่างวอร์ด 1 ได้เงินตั้ง 6-7 พันบาทก็มี ทีนี้แต่ละฝ่ายก็พอมีเงินไว้ซื้อกาแฟโอวัลติน ขนมนมเนยกินกันโดยไม่ต้องคอยเรี่ยไรให้ยุ่งยาก หากเยอะยังพอมีเหลือก็เอาไปเลี้ยงปีใหม่ เลี้ยงรับเลี้ยงส่งในฝ่ายกันได้

ขยะที่ผมเก็บๆ ไว้ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้เอาไปขายกับเขาหรอกครับ ผมไปกองรวมๆ ไว้ ใครมาเจอก่อนก็ได้เอาไป แว่วๆ ว่าส่วนมากจะเป็นพนักงานทำความสะอาดที่มีโซนถิ่นฐานอยู่แถวนั้น รู้อย่างนี้ก็รู้สึกดีใหญ่ เพราะรู้ๆ กันว่ารายได้ของพี่ๆ เหล่านี้ก็ไม่ค่อยเยอะอยู่แล้ว

ถึงวันนี้ ไม่ใช่เพราะผมนึกเสียดายขึ้นมาหรอกนะครับ เรื่องของเรื่องเป็นมาตั้งแต่คุณดารัช ภรรยาที่เคารพของผม เธอเกิดท้องขึ้นมาแหล่ะครับ ถึงตอนนี้ก็ได้ 3 เดือนพอดิบพอดีแล้ว ความที่เป็นว่าที่คุณพ่อมือใหม่ ผมก็นั่งคิด นอนคิดเล่นๆ ว่าจะเตรียมการเรียนรู้อะไรไว้ให้ว่าที่คุณลูกได้บ้าง นึกไปนึกมาก็คิดถึงขยะรีไซเคิลนี่แหล่ะครับ คิดเอาเองเสร็จสรรพว่าน่าจะเป็นกิจกรรมที่สนุกและน่าสนใจ เพราะบูรณาการการเรียนรู้ไว้หลายอย่างแถมได้เงินเป็นรางวัล เด็กที่ไหนล่ะจะไม่ชอบ เด็กๆ คงได้ฝึกระเบียบวินัย การทิ้งขยะเป็นที่ เรียนรู้ถึงคุณค่าในสิ่งที่ดูเหมือนไร้ค่า แถมเอามาสร้างบทเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันขยายต่อไปได้อีกว่าภารกิจเล็กๆ นี้เป็นภารกิจช่วยโลก เพราะช่วยทำโลกให้น่าอยู่มากขึ้นไม่แตกต่างจากหน้าที่ของ super hero ทั้งหลาย (ที่ลูกอาจคลั่งไคล้...เหมือนที่ผมเคยเป็น)

ไม่แค่นั้น น่าจะช่วยให้เด็กๆ เห็นคุณค่าของเงิน เพราะรู้แล้วว่าเงินหามาได้ด้วยความยากลำบาก ขวดสัก 1 ถังอาจแลกได้กับเหรียญบาทไม่กี่เหรียญ แถมฝึกความรับผิดชอบ คอยรวบรวมและชวนคุณพ่อพาไปขาย คอยจดบันทึก ทำบัญชีฝึกคณิตศาสตร์ได้อีกทาง เรียนรู้เรื่องการออม หัดเอาเงินไปฝากธนาคาร แถมด้วยการให้โจทย์ว่าควรบริหารเงินก้อนนี้อย่างไรให้เกิดประโยชน์และคุณค่าต่อชีวิตเขามากที่สุด...จะเก็บไว้ซื้ออะไรๆ เป็นชิ้น เล็กๆ ระยะสั้นหรือเก็บออมไว้ใช้ในระยะยาว

ฟังๆ ดูไม่รู้ผมจะเพ้อๆ มากไปสักหน่อยหรือเปล่า แต่หลังจากลองขับรถเอาขยะไปขายที่ร้านรับซื้อ แล้วได้คืนมาเป็นเงินเหรียญมูลค่า 18 บาท ย้อนมองดูใจตัวเองแล้วรู้สึกว่ามีความสุขเป็นพิเศษ

อีก 6 เดือนที่เหลือกว่าคุณดารัชเธอจะคลอดเด็กอ้วนๆ 1 คนออกมาดูโลก ตอนนั้นก็คงไปขายขยะได้หลายครั้งและเก็บรวบรวมเงินไว้ได้หลายบาทอยู่ สิงหาคมปีนี้ หลังแจ้งเกิดที่อำเภอได้ชื่อเป็นที่เรียบร้อย ผมจะรีบตรงไปธนาคารออมสิน รวบรวมเงินที่เก็บไว้ที่ตั้งต้นจาก 18 บาทแรก เปิดบัญชีไว้ให้ลูก

ส่วนเวลาต่อจากนั้นผมก็คงต้องก็หน้าที่นี้แทนไปพลางๆ ก่อน รอจนเขาเติบโตเพียงพอ ก็คงจะได้ร่วมเรียนรู้และทำกิจกรรมช่วยโลกนี้ด้วยกัน

....เรื่องนี้เขียนไว้เมื่อหลายเดือนก่อน ถึงตอนนี้น้องปาลอายุ 4 เดือนกว่าและมีเงินเก็บจากการนี้ ในกระปุกของเขา 126 บาทแล้ว คิดเล่นๆ คือคุณลูกชายเขามีรายได้เฉลี่ยวันละ 1 บาท




0 ความคิดเห็น: