วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551

บันทึก...ทันตภูธร โดย ใบสะเดาสด



ตอน...เยี่ยมป้าสุข


“ หมอสายธาร ส้มแป้น อยู่ไหมคะ พวกเรากำลังจะไปกันแล้วนะ ” เสียงพี่สำลีพยาบาลวิชาชีพ ตะโกนจากหน้าประตูห้องฟันที่ฉันทำงานอยู่ ถามหา ส้มแป้นทันตาภิบาล“ วันนี้ส้มแป้นลาป่วยจ้ะพี่สำลี ขอโทษด้วยนะคะพอดีช่วงเช้าคนไข้ห้องฟันเยอะมากเลยไม่มีใครว่างไปบอกพี่สำลีจ้ะ ” ฉันตอบเรียบๆ เช้านี้ฉันอยู่คนเดียวห้องฟันคนไข้เยอะก็ยุ่งอ่ะค่ะ “ อ้าวเหรอ...แย่จังเลย วันนี้คนไปน้อยด้วยสิ หมอธารจะไปกับพวกเราไหม ไปแทนส้มแป้นไง บ่ายวันศุกร์หมอไม่มีคนไข้นัดแล้วไม่ใช่เหรอ ” พี่สำลีชวนฉันไปเยี่ยมบ้านเนี่ยนะ โอ้ววว... ฉันจะไปยังไง ไปทำอะไรเนี่ย ปกติฉันก็ไม่เคยสนใจจะไปเยี่ยมบ้าน ส้มแป้นต้องทำอะไรบ้างไม่รู้ ฉันเป็นทันตแพทย์นะจ๊ะ ชวนฉันทำไม..ไปชวนเจ้าแหววผู้ช่วยฯก่อนไหม

“ ไปก็ได้ค่ะพี่สำลี บ่ายวันศุกร์หมอว่าง นึกอยากจะไปเยี่ยมบ้านอยู่พอดีเลย แหววอยู่ดูแลฝ่ายฯให้หมอด้วยนะ หมอไปไม่นานหรอกจ้ะ ” ว๊าวว...อะไรจะนางงามสาวสยามขนาดนี้ค๊า ... “ ปกติบ่ายวันศุกร์จะทำความสะอาดฝ่ายฯ อบเครื่องมือ ไม่ได้นัดคนไข้อยู่แล้วค่ะ บ่ายนี้ไปเยี่ยมบ้านกันเยอะไหมคะ มาค่ะหมอช่วยถือของนะ พี่สำลี ” พี่สำลีหอบแฟ้มพะรุงพะรัง ท่าทางจะไม่ยอมแบ่งของมาให้ฉันช่วยถือเท่าใดนัก “ ก็ไม่มากหรอกหมอธาร ถึงขอให้มาช่วยๆกันไงคะ นี่หมอวิทย์แกไปประชุมกรุงเทพตั้งแต่วานซืนแล้ว พี่เพ็ญศรีเลยต้องอยู่โยงเฝ้าโรงพยาบาลซะคนค่ะ เจ้าส้มแป้นก็มาลาป่วยอีก ก็มีพี่ไปกับดวงพร กับเจ้าดำคนขับรถเท่านั้น หมอธารไปด้วยกันนะ ”

คุณหมอวิทยา ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลไปประชุมที่กรุงเทพ พี่เพ็ญศรีหัวหน้าพยาบาล คงเป็นหมอใหญ่แทนเลยสิตื่นเต้น....ตื่นเต้น....เยี่ยมบ้านครั้งแรกของฉันค่ะ และแล้วเราทั้ง 4 คนก็เดินมาถึงที่จอดรถกระบะ 2 ตอนคันเก่ากึ๊ก “ หมอธารนั่งกับดวงพรด้านหลังนะ พี่นั่งกับนายดำคนขับเอง คงต้องบอกทางกันหน่อย บ้านนี้อยู่ไกล นานๆจะไปเยี่ยมสักครั้ง ” พี่สำลีจัดแจงที่นั่ง เราทุกคนประจำที่ ฉันกับดวงพรผู้ช่วยพยาบาลคนนี้ก็ไม่ค่อยเคยคุยกันมากนัก ทำไงได้คนไข้ห้องฟันเยอะอ่ะค่ะ ต่างคนต่างนั่งเฉยๆ มองวัว มองนาเขียวขจีข้างทางไปเรื่อยๆค่ะ…………..






“ โหย.. พี่สำลี พี่ดำ นั่นฝูงวัวเต็มถนนเลยทำไงดี พรกลัวน๊า ” ดวงพรร้องลั่นอย่างตกใจ ชี้ให้ดูฝูงวัวที่ชายเลี้ยงวัวนำมาเลี้ยงกลางถนนฝูงใหญ่ “ ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยๆขับไป ให้วัวมันรู้ว่านี่ถนนรถวิ่ง ไม่ใช่ถนนวัวเดิน โวยวายไปได้เจ้าพรเอ๊ย หมอสายธารเค้ายังไม่เห็นกลัวเลย ” เสียงเข้มๆของนายดำคนขับรถ ตึ๊กๆตั๊กๆ ต๊าย ตาย ฮื๊อ ฮือ ฮือ มาด้วยทำม๊าย ทำมายเนี่ย ฉันจะโดนวัวคุกคามไหมเนี่ย โอ้ววว โนววว กลัวนะจ๊ะ ฉันกลัววัว วัวฝูงใหญ่กว่า 100 ตัวแบบนี๊ อย่าเข้ามาน๊า.....!!!!!

“..... ..... ค่ะ...ค่อยๆขับไปนะนายดำ..ระวังหน่อย... ” กรี๊ดๆๆ ก็ฉันเป็นนางงามนี่คะ นั่งลุ้นระทึกอยู่พักใหญ่เลยค่ะ กว่าจะฝ่าฝูงวัวไปได้ ทุลักทุเลพอประมาณ วัวมันก็กลัวรถ วิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง ดีนะที่สามารถแหวกวัวฝูงใหญ่มาได้โดยไม่มีอุบัติเหตุใดๆ “ โค้งหน้าก็ถึงบ้านป้าสุขแล้ว หมอธารเยี่ยมบ้านวันแรกสนุกไหมหมอ ” ..พี่สำลีหันมาถามยิ้มๆ... “ ก็สบายๆค่ะ พี่สำลี ที่จริงก็ไม่ไกลมากนะ ถ้าไม่เจอฝูงวัวเราก็คงถึงบ้านป้าสุขกันนานแล้ว ” นางงามสาวสยามตัวจริงมาเอง อิ อิ... ^^ ...

รถจอดหน้าบ้านไม้เก่า มุงหลังคาสังกะสีผุๆ สภาพบ้านชนบทเก่าๆใต้ถุนสูงพอประมาณ ตัวบ้านโทรมเข้าขั้นทีเดียวเชียว บันไดไม้ขึ้นบ้านก็ผุๆอีกแหละค่ะ “ มีใครอยู่ไหมจ๊ะ ” พี่สำลีตะโกนถาม สักพักก็มีเสียงตอบกลับมาจากข้างบนบ้านค่อนข้างเบา “ อยู่ๆ..ใครมาหน่ะ ” “ ป้าสุขใช่ไหม...หมอจากโรงพยาบาลมาเยี่ยมจ้ะ ขึ้นไปได้ไหมจ๊ะ หมอธาร ดวงพรขึ้นไปพร้อมกันหมดนี่ล่ะ นายดำรอที่รถนะ อย่าไปไหนไกลล่ะ มีอะไรจะได้เรียกหากันได้ ” พี่สำลีตะโกนบอกป้าสุขแล้วหันมาบอกเราทุกคน รวมทั้งกำชับบัญชา นายดำคนขับรถด้วย ก็พวกเรามีแต่ผู้หญิงนี่นา ต้องระแวดระวังกันหน่อย เชื่อแล้วล่ะว่า บ้านนี้นานๆจึงจะมาเยี่ยมทีจริงๆแฮะ






ฉันขึ้นบันไดก้าวพ้นชายคาเข้ามาเป็นคนสุดท้าย พี่สำลีกับดวงพรนั่งล้อมรอบแคร่ไม้ไผ่ที่หญิงสูงวัย อายุราว 70 กึ่งนั่งกึ่งนอนอิงหมอนอยู่ก่อนแล้ว พอฉันเข้าไปอีกคน ห้องไม้เก่าๆดูคับแคบขึ้นมาทันที “ หมอสายธาร มาเยี่ยมป้าสุขด้วยจ้ะ” พี่สำลีบอกหญิงชรา.. ป้าสุข หน้าตาคุ้นๆคับคล้ายคับคราว่าจะเคยมาเป็นคนไข้ที่ห้องฟันน๊า... “....หมอฟันไม่ใช่เหรอนั่น” หญิงชราทักทายฉันก่อน “ อ้าว...ป้าสุขรู้จักหมอสายธารด้วยหรือ” พี่สำลีชวนคุย “ ค่ะ...หมอจำได้แล้ว ป้าสุขเค้าเคยมาทำฟันปลอมหน่ะ” ป้าสุขคนนี้คือคนไข้ฟันปลอมผู้จู้จี้จุกจิกน่าเบื่อหน่ายของฉันนี่เอง

แต่ทำไมป้าสุขถึงได้ดูสูบผอม ซีดเหลือง โทรมผิดตา ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงขนาดนี้นะ จำได้ว่าเมื่อปลายปีก่อนแกยังเถียงฉันได้ฉอดๆๆ “ ตอนนี้ป้าไม่ต้องใส่ฟันปลอมของหมอแล้วนะ ป้ากินได้แต่ของนิ่มๆ ก็ไม่ต้องเคี้ยวกันหล่ะหมอ” ฉันพูดไม่ออก รู้สึกแปลกๆ ท่าทางป้าสุขแกจะอยากคุยกับฉัน ฉันเข้าไปนั่งใกล้ๆแคร่ที่แกนอน เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบคนไข้ทำฟันปลอมในสภาพแบบนี้ ความรู้สึกแปลกๆเมื่อครู่ กำลังจะกลั่นตัว กลายเป็นหยดน้ำปริ่มริมขอบตา น้ำตาจะไหล..ไม่เอาน่า

“ เอ่อ...ถ้าป้าสุขยังใส่ฟันปลอมไม่ได้ก็แช่น้ำไว้ก่อนนะ เดี๋ยวหายป่วยแล้วค่อยไปปรับแก้กันใหม่จ้ะ หลังทานข้าวป้าสุขบ้วนน้ำล้างปากบ้างนะ ได้แปรงฟันบ้างหรือเปล่าป้า ” ก็พอกลบเกลื่อน เฉไฉ เนียนไปได้ จากการพูดจาพาทีถึงฟันปลอม ..เฮ้อ..“ แหมหมอฟันนี่ จู้จี้ขี้บ่นเหมือนเดิมเลยนะ ป้าไม่มีเรี่ยวมีแรงจะแปรงฟันอะไรด้วยหรอกหมอ แค่กินข้าวก็จะลุกไม่ไหวแล้ว ” ป้าพูดไปหัวเราะไป ทุกคนก็พลอยหัวเราะไปกับแกด้วย กิตติศัพท์ ขี้บ่นของฉันขจรขจายใช่ย่อยซะที่ไหน แกคงจำได้ว่าเคยปะทะฝีปากกับฉันเป็นประจำ กว่าแกจะได้ฟันปลอมอันใหม่กลับมาใส่




“ แล้วใครหาข้าวหาปลาให้ป้ากินจ๊ะเนี่ย ” ฉันถาม “ นังหนูแดงเด็กข้างบ้าน ลูกสาวป้าจ้างมันวันละ 100 หาข้าวต้มให้ป้ากิน คอยพยุงดูแลบ้าง ถ้าเงินเหลือก็เป็นค่าแรงมันไป มันนั่งอยู่นั่นไง ” ฉันพอจำได้ว่าป้าสุขเคยโม้ให้ฉันฟังว่าลูกสาวแกทำงานไฮโซเงินเดือนงามในเมืองหลวง ก็ยังดีนะอย่างน้อยยังมีเด็กสาวหน้าตามอมแมม ที่นั่งตัวลีบอยู่ข้างประตูคอยดูแลป้าสุข

“ ป้าสุขต้องบ้วนปากหลังทานข้าวบ้างนะ หนูแดงช่วยคุณหมอดูแลป้าสุขเพิ่มขึ้นอีกนิดนะ เอาน้ำอุ่นให้ป้าบ้วนปากหลังกินข้าวด้วยจ้ะ ตอนนี้ป้าสุขแปรงฟันเองไม่ค่อยไหวหนูแดงช่วยแปรงฟันให้ป้าสุขเช้าเย็นด้วยนะ แล้วคราวหน้าคุณหมอจะเอาขนมมาฝากจ้ะ ” ขอติดสินบนเด็กสักครั้งเถอะน่า... ฉันสอนหนูแดงแปรงฟันให้ป้าสุข โดยใช้ยาสีฟันและใช้น้ำน้อยๆ บ้วนปากลงกระโถนข้างๆแคร่ ฟันป้าสุขก็เหลือไม่ถึง 5 ซี่แล้วล่ะค่ะ แต่อย่างน้อยๆก็ช่วยให้ป้าสุข สบายปากและลดเชื้อโรคลงได้บ้าง ....






เสียงรถกะบะคันเก่าเครื่องคำรามโครมครามดูจะเบาไปเสียสิ้น ในยามนี้เสียงหัวใจอันพองโตอิ่มอกอิ่มใจสุขใจของฉันดูเหมือนจะดังกว่า พี่สำลีเล่าให้ฟังว่าป้าสุขแกเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ท้องบวม ต้องผ่าตัดม้ามและกระเพาะอาหารบางส่วนทิ้ง ทานอะไรไม่ค่อยได้ จิตใจก็ย่ำแย่ สามีแกแยกไปอยู่กับหญิงคนใหม่นานแล้ว ลูกสาวที่ทำงานในเมืองหลวงก็ไม่ค่อยกลับบ้าน ป้าสุขต้องอยู่กับเด็กหนูแดง ที่ไม่ใช่ญาติด้วยความรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก “ พี่เพิ่งเห็นแกยิ้มได้ หัวเราะได้ ก็วันนี้ที่หมอสายธารมาด้วย แกคงจำหมอได้ ” ฉันก็จำฝีปากป้าสุขได้เหมือนกันล่ะน่า ฉะปะดะกันมาแรมเดือน ขนาดแกผอมลงมากขนาดนี้ ไฝเม็ดใหญ่ที่ริมฝีปากแกไม่ได้ซูบลงด้วยเลยสักนิด...

“ พี่สำลี ต่อไปบ่ายวันศุกร์ที่หมอว่าง ไม่มีนัดคนไข้ ไม่มีประชุมอะไร หมอจะออกมาเยี่ยมบ้านกับพี่อีกนะคะ...... ” ฉันไม่ใช่นางเอก ฉันไม่ใช่นางงามหรอกนะคะ แต่เมื่อคนไข้มีโรคประจำตัว อ่อนล้าไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะเดินทางมาพบฉันที่ห้องฟัน ฉันพอมีเวลาก็น่าจะตามไปพบไปเยี่ยมคนไข้ ตามไปดูแลฟัน ดูแลใจพวกเค้าเหล่านั้นที่บ้านของเค้าบ้าง ก็ฉันเป็นทันตแพทย์ของพวกเค้านี่ค่ะ ชื่นใจเอ๊ยย..ชื่นใจจังจ้ะ


1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณครับสำหรับบทความ