วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552

คุยกับพี่เจน : โดย ทพญ.ศันสณี รัชชกูล

สวัสดีคะ น้องๆที่รัก สำหรับคอลัมน์คุยกับพี่เจนในฉบับนี้ พี่ต้องขอโทษน้องๆจริงๆ ที่พี่ยุ่งสุดๆ (อาจผสมเกียจคร้านด้วยก็ได้ มั้ง) เลยไม่ได้เขียนบทความต่อจากคราวที่แล้ว พอดีพี่ไปค้นบทความเก่าของพี่ ที่เขียนไว้ในเรื่อง การบูรณาการการทำงานสุขภาพอนามัย อ่านดูแล้วก็คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อการทำงานของน้องๆ บ้างเลยส่งมาให้บก. ของเราพิจารณาค่ะ ถ้า บก. เห็นว่ามีสาระก็ช่วยลงให้ด้วยแล้วกันนะคะ

Madison, USA. ช้างจ๊ะ

ขอบคุณช้างมากสำหรับจดหมายเล่าเรื่องต่าง ทางเมืองไทยไปให้พี่ฟัง ตอนนี้พี่ก็มาอยู่ที่นี่ได้เกือบ 4 เดือนแล้ว การที่ได้มาใช้ชีวิตครอบครัว ที่ไม่ใช่ชีวิตนักเรียนที่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งเอาแต่เรียนหนังสือทุกวัน ทำให้พี่มีโอกาสเข้าใจสังคมอเมริกันดีขึ้นมาก และได้มองเห็นส่วนที่ดีๆของการทำงานด้านสุขภาพอนามัยของคนที่นี่มากขึ้น พอดีช้างได้เล่าให้พี่ฟังว่ากำลังทำงานให้ คปศว ของเขต 10 อยู่และยังมองการผสมผสานงานของศูนย์วิชาการต่างๆยังไม่ทะลุ พี่ก็เก็บมาคิดพิจารณาดู พี่คิดว่าพี่มีอะไรที่ดีๆที่เกี่ยวกับการทำงานทางสาธารณสุขของที่นี่ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน คปศว. ของช้างบ้างไม่มากก็น้อยที่อยากจะเล่าให้ช้างฟัง ก็ขอเริ่มต้นเลยดีกว่านะ

อย่างที่ช้างก็คงทราบดีอยู่แล้วว่าสังคมอเมริกัน เป็นสังคมของคนมีการศึกษา ประชาชนส่วนใหญ่มีการศึกษาดี และให้ความสนใจกับสุขภาพอนามัย สุขภาพอนามัยจะมีความสำคัญอยู่ในอันดับแรกๆเสมอ ดังนั้น กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพเกือบจะเรียกได้ว่าทั้งหมดประชาชน ชุมชน เป็นผู้จัดการและดำเนินการเองทั้งสิ้น โดยรัฐ เป็นเพียงผู้จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวย และออกกฎหมายที่จำเป็นให้ เท่านั้น จะยกตัวอย่างงานที่เห็นเป็นรูปธรรมให้ช้างได้เข้าใจสักเรื่อง




โรงเรียนประถมศึกษาตั้งอยู่ในชุมชน ไม่ห่างจากบ้านพักของนักเรียน เด็กนักเรียนทุกคนสามารถเดินไปโรงเรียนได้ เด็กส่วนใหญ่จะเลือกเรียนโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้าน เนื่องจากโรงเรียนทุกโรงเรียนมีมาตรฐานทางการศึกษาเท่าเทียมกัน และเรียนฟรีเหมือนกัน ตอนเช้านักเรียนทุกคนจะเดินบ้างขี่จักรยานบ้าง เล่นสเก็ต บ้างไปโรงเรียน ทางเดินไปโรงเรียนจะแยกเป็นสัดส่วนจากถนนที่รถวิ่ง บริเวณที่จะต้องข้ามถนน จะมีอาสาสมัครจราจรยืนห้ามรถให้ อาสาสมัครจราจรนี้ชุมชนเป็นผู้จัดหา สภาพเช่นนี้ทำให้เด็กได้ออกกำลังกายในตอนเช้า และมีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินทาง การเดินทางไป-กลับโรงเรียนเป็นการออกกำลังที่แสนจะเป็นธรรมชาติ (โดยไม่ต้องไปแยกกิจกรรมออกกำลังกายออกมาต่างหากให้เด็กทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ) เด็กๆจะไปกันเป็นกลุ่มๆ เล่นกันไปบ้าง คุยกันไปบ้าง เด็กจะสดชื่นแจ่มใสพร้อมที่จะเริ่มวันใหม่

หลักสูตรการเรียนการสอนมีทั้งภาควิชาการ พลานามัย และศิลปะ ดนตรี ในสัดส่วนที่พอเหมาะ อันจะทำให้เด็กมีสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ พ่อแม่จะมีส่วนในการช่วยเหลือกิจกรรมของโรงเรียน ในเรื่องการเรียนการสอนของครู เช่นต้องผลัดกันไปช่วยครูตรวจการบ้าน ช่วยงานในห้องสมุด ช่วยในการจัดอาหารกลางวันให้บุตรหลาน เป็นโอกาสให้ชุมชนได้มีโอกาสตรวจสอบการทำงานของโรงเรียน การที่พ่อแม่มีเวลาได้มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนไม่ใช่เพราะพ่อแม่เขาไม่ต้องทำงาน แต่เนื่องจากการจัดเวลาในการทำงานของบริษัท หรือภาคราชการมีความยืดหยุ่นสูง พ่อแม่สามารถเลือกเวลาทำงานให้เหมาะสมกับภาระกิจที่ตนเองมีอยู่ได้ อย่างเพื่อนพี่คนหนึ่ง แม่ทำงานแต่เช้าเลิกเร็ว พ่อทำงานสาย เลิกช้า เช้าพ่อไปส่งลูก บ่ายแม่ไปรับลูก ศุกร์เว้นศุกร์แม่จะได้หยุดงานเพื่อมาช่วยกิจกรรมในโรงเรียนของลูก ซึ่งการจัดเช่นนี้มันเอื้อให้พ่อแม่ได้มีส่วนร่วมกับโรงเรียนได้มาก

สำหรับอาหารกลางวัน เด็กอาจนำมาเองจากบ้านหรือมารับประทานอาหารที่โรงเรียนจัดหาให้ ซึ่งจะต้องซื้อในราคาที่ไม่แพงนัก อาหารนี้จะประกอบขึ้นจากโรงครัวของเมือง อันทำให้เด็กในทุกโรงเรียนในเมืองนั้นรับประทานอาหารที่เหมือนกันทุกโรงเรียน ซึ่งแน่นอนว่าอาหารที่รับประทาน จะต้องประกอบด้วยอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบครันและ มีความสะอาด ในเรื่องความสะอาดนี้ได้มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นมาตรฐานทางความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบอาหาร ภาชนะ หรือแม้แต่วิธีการทำความสะอาดภาชนะ และมีการควบคุมให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างเข้มงวด ด้วยวิธีอันชาญฉลาดที่ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่มากมายเลย (ถ้าอยากรู้วันหลังจะเล่าให้ฟังจ๊ะ)

ในเวลาพักของนักเรียนเด็กจะได้ออกมาวิ่งเล่นในสนามอันกว้างใหญ่ของโรงเรียน ที่มีเครื่องเล่นตั้งไว้ให้อย่างครบครัน เครื่องเล่นเหล่านี้ได้รับการติดตั้งโดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการเล่นโดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่ควบคุมอย่างใกล้ชิด และคำนึงถึงพัฒนาการตามอายุของเด็ก (ไม่เหมือนที่เมืองไทยที่ครูไม่ค่อยอยากให้เด็กออกมาเล่นมากนักเพราะกลัวว่าเด็กจะตกลงมาหัวแตกให้ต้องรับผิดชอบกันมากมาย เด็กเล่นไปครูก็คอยดุไปว่าอย่าเล่นแผลงๆ เพราะกลัวจะได้รับอันตราย ทั้งๆที่ธรรมชาติของเด็กมันต้องเล่นแผลงๆอยู่แล้ว อยู่ที่นี่ลูกพี่ตกเครื่องเล่นมาแล้วไม่รู้กี่หน แต่ไม่เห็นเป็นไรเลย เพราะเครื่องเล่นมันออกแบบมาดีจริงๆปลอดภัย และ เข้าใจธรรมชาติของเด็ก)

ห้องน้ำในโรงเรียนจะเน้นที่ความสะอาด มีสถานที่ล้างมือแปรงฟันที่เหมาะสม อันเป็นการเอื้ออำนวยในการสร้างสุขนิสัยอันดีให้กับเด็ก ก่อนที่เด็กจะเข้าไปศึกษาในโรงเรียนได้ จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด การฉีดวัคซีนนี้ ชุมชนจะเป็นผู้ติดต่อกับทางสาธารณสุขของเมือง เพื่อให้มาจัดตั้งหน่วยฉีดให้ในชุมชน เมื่อนำเด็กไปฉีดยาจะมีของเล่นชิ้นเล็กๆแจก และ มีบัตรรับประทานไอศกรีมฟรีแจกให้ เพื่อเป็นรางวัลแก่เด็ก ของรางวัลเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชน นับเป็นความร่วมมือจากภาคเอกชนอย่างหนึ่ง

ที่พี่เล่ามานี้พี่ไม่ได้หมายความว่าต้องการให้โรงเรียนบ้านเราเอาอย่างอเมริกา แต่อยากให้ได้วิธีคิด จากตัวอย่างที่เล่ามานี้ ช้างจะเห็นว่ากิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในโรงเรียน ได้ผนวกเข้าเป็นวิถีชีวิตของเด็กอเมริกัน ทุกอย่างผนวกเข้าด้วยกัน โดยแยกกันไม่ออกระหว่างการส่งเสริมสุขภาพการ การส่งเสริมพัฒนาการ ส่งเสริมสุขภาพจิต และกิจกรรมการเรียนการสอน การดำเนินการเป็นการร่วมมือร่วมใจกันทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นบ้าน โรงเรียน ชุมชน เอกชน และรัฐ รัฐไม่จำเป็นต้องมีบทบาทมากในการส่งเสริมสุขภาพ เป็นเพียงผู้สนับสนุนที่เหมาะสมเท่านั้น

ถ้าช้างลองแยกกิจกรรมในโรงเรียนตามที่พี่เล่ามานี้เล่นๆดูสิว่า กิจกรรมใดเป็นของกรมอนามัย กิจกรรมใดเป็นของกรมสุขภาพจิต กิจกรรมใดเป็นของกรมการแพทย์ กิจกรรมใดเป็นของกรมควบคุมโรค หรือแม้แต่แยกกิจกรรมของกระทรวงศึกษาออกจากกิจกรรมของกระทรวงสาธารณสุข ช้างก็คงแยกไม่ออกใช่ไหมจ๊ะ เพราะทุกอย่างผสมผสานเข้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน แยกแยะไม่ออกเลย ทั้งหมดนี่แหละเป็นการผสมผสานกิจกรรมที่น่าจะเป็นบทบาทของคปศว. ที่ช้างได้มีโอกาสเข้าไปร่วม พี่คิดว่าช้างโชคดีจริงๆที่จะมีโอกาสได้เข้าไปร่วมงาน ของคปศว10 ตอนที่พี่อยู่ที่นี่พี่นั่งมองของเล่นของที่นี่แล้วยังนึกเล่นๆอยู่เลยว่า กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพชิ้นนี้มันเป็นงานวิชาการแท้ๆ เพราะต้องใช้หลักวิชาการตั้งแต่เรื่องการออกกำลังกาย พัฒนาการเด็ก จิตวิทยาเด็ก การป้องกันอุบัติภัย ฯลฯ แต่กิจกรรมนี้จะเป็นกิจกรรมของใครระหว่างกรมอนามัย กรมสุขภาพจิต หรือว่ากรมการแพทย์ หรือว่าของกระทรวงศึกษา

พอช้างเล่ามาเรื่อง คปศว10 พี่รู้สึกดีใจจริงๆที่จะมีการร่วมมือร่วมใจกันระหว่างศูนย์วิชาการของกรมต่างๆในกระทรวง เพื่อดำเนินการร่วมกัน ตอนนี้แนวคิดในเรื่องสุขภาพมีการปรับเปลี่ยนไปมากมาย เราก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเราไปเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกนี้ ถ้าไม่เปลี่ยนใครละจะเป็นคนคิดสิ่งที่ดีๆเช่นของเล่นที่ดีๆให้กับลูกหลานไทย ที่จริงพี่ยังมีตัวอย่าง เรื่องพวกนี้อีกมากนะจ๊ะ ถ้าตัวอย่างเดี่ยวยังไม่ทำให้ช้างมองงานออก ก็บอกมาพี่จะได้เล่ามาอีกจ้ะ

หวังว่าทุกคนทางเมืองไทยคงสบายดี ฝากความคิดถึงทุกๆคนด้วยนะ
รัก & คิดถึงเสมอ
พี่เจน

0 ความคิดเห็น: