วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

เรื่องเล่าจากภูอังลัง : ตี 4 โดย หมอฟันไทด่าน

เรื่องเล่าจากภูอังลัง : ตี 4 โดย หมอฟันไทด่าน

มองย้อนกลับไป ผมถือว่าตัวเองค่อนข้างโชคดี โชคดีที่มีเพื่อนร่วมงานดี โดยเฉพาะคนในครอบครัวทันต - - 3 คนเก่าคนแก่ที่มีอยู่เดิมนั้น พูดได้เต็มปากว่า ดีโดยสันดาน ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่คิดว่าดีได้ด้วยทำเหตุดี - -ผลที่ตามมาเลยได้คนดีๆ

ถ้าไม่นับน้องทันตแพทย์ซึ่งเกือบจะพูดได้ว่ามีส่วนได้เลือก (เช่น เคยฝึกงานที่นี่ก่อนจบ ฯ) ไม่ได้ต้องนั่งลุ้นว่าได้ใครมาก็ไม่รู้แล้วแต่บุญกรรมวาสนา น้องผู้ช่วยอีก 5 คน (คนขับรถประจำฝ่าย 1 ประชาสัมพันธ์ทำงานส่วน front 1 และผู้ช่วยในคลินิกอีก 3) นั้นพูดได้เต็มปากว่าได้เลือกด้วยมือตัวเอง ผ่านการสอบข้อเขียน สัมภาษณ์ และแอบสืบประวัติย้อนหลัง

เมื่อสัก 2 ปีก่อน เพราะเหตุที่โยกน้องผู้ช่วยชายหนึ่งเดียวไปเป็นคนขับรถประจำฝ่าย ด้วยต้องออกหน่วยทุกวันอยู่แล้ว แทนที่จะลุ้นกับพนักงานขับรถที่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนมาอาทิตย์ละคน ขับรถอย่างเดียวบ้าง ช่วยงานอื่นบ้างหลากหลายแล้วแต่คน

ก็เอาผู้ช่วยเราเองไปขับรถและช่วยงานสารพัดสารพันได้ด้วย ถือเป็น multi in one นั่นเป็นสาเหตุของการต้องหาคนเข้าฝ่ายเพิ่ม

มลมาสมัครงานด้วยอายุไม่เต็ม 20 กับคะแนนสอบที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร แถมมีบ้านที่ไกลมากกว่า 20 กิโล ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องเอามาคิด เพราะห้องฟันแม้ไม่ได้ขึ้นบ่าย-ดึก แต่บางวันก็ต้องขึ้นทำงานในคลินิกนอกเวลา ด้วยท่าทีมุ่งมั่นและประวัติอัน drama กับ key word “ ตี 4 ซึ่งผมไม่ได้ถามกรรมการคนอื่นๆ ว่าคิดเห็นอย่างไร แต่คำๆ นี้เป็นคำสำคัญที่ผมตัดสินใจเลือก มล

เรื่องราวต่อไปนี้ นอกจากส่วนหนึ่งจากการสัมภาษณ์ตอนสมัครทำงาน อีกส่วนได้จากวงคุย Dialogue คนในฝ่ายฯ กับคำถามที่ว่า มาอยู่ที่ห้องฟันแห่งนี้...ได้อย่างไร เมื่อคราวพาทีมฝ่ายไปดูงานเมื่อ 3-4 เดือนก่อน

มลเรียนจบม.6 จากโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ ในช่วงใกล้จบ กับคำถามในกลุ่มเพื่อนว่าจะไปเรียนต่ออะไรกัน มล ชัดเจนในคำตอบสำหรับอนาคตตัวเอง เพราะแม่เคยบอกแล้วว่าไม่มีเงินส่ง แถมสถานะพี่คนโตที่น้องยังเล็ก ทางเดินเดียวที่มีให้เลือกคือ หางานทำ

หลังจบไม่ถึงเดือน มลพาชีวิตไประหกระเหินอยู่แถวชลบุรีกับวิถีสาวโรงงานเต็มตัว แต่ด้วยความที่ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนเลย ทำให้ทนคิดถึงบ้านไม่ไหว โทรฯ บอกแม่ว่าไม่สบายและขอกลับบ้านหลังทำงานได้ไม่กี่วัน แต่กลับมาแล้วก็ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ อยากส่งน้องเรียน อยากหาเงินช่วยแม่ เลยตัดสินใจขึ้นมากรุงเทพฯ อีกครั้ง คราวนี้ได้งานในโรงงานรองเท้าแถวบางบอน นับได้เป็นโรงงานนรกเพราะอากาศร้อนอบอ้าวมาก ได้เงินก้อนแรกๆ ดีใจมาก รีบส่งกลับไปให้แม่ อยู่ไปๆ เงินก็ออกไม่ตรงเวลา แถมโดนผู้จัดการดุด่า เพราะหาว่าทำงานผิดพลาด มลได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าจึงมีเรื่องกระทบกระทั่งกับผู้จัดการบ่อยๆ ทำงานได้ไม่นานก็มีเหตุให้ต้องกลับบ้านอีก ที่โน่นส่งข่าวร้ายมาว่ารถแต๊กแต๊กทับนิ้วแม่...ขาด ทำงานไม่ได้ มลเลยลาออกกลับมาช่วยแม่ทำงานบ้าน ดูแลพ่อกับน้อง

พอแม่อาการดีขึ้น แม่บอกให้กลับมาทำงาน แม่พออยู่ได้ แม่อยากให้ช่วยกันหาเงิน- - อยากสร้างบ้าน

ที่ทำงานใหม่คราวนี้เป็นโรงงานเสื้อผ้าแถวพระราม 3 แรกๆ เขาก็อนุญาตให้นั่งบ้าง-ยืนบ้าง แต่พอได้งานช้า ผู้จัดการก็สั่งเก็บเก้าอี้ออกหมด ด้วยงานเร่ง เลยต้องโดนบังคับทำ OT แบบไม่มีโอกาสเลือก เช้าเข้างาน 8 โมงออก 5 โมงเขาให้พัก 1 ชั่วโมง เข้าอีกที 6 โมงทำจนถึง ตี 4 กว่าจะนั่งรถเมล์ถึงที่พักได้นอนก็เกือบเช้า ...8 โมงก็ต้องไปถึงที่ทำงาน เหนื่อยมาก ทำอยู่อย่างนี้เกือบทุกวันมากว่า 2 เดือน


ครูนกครูที่สนิทกันสมัยเรียนอยู่ที่บ้าน เพราะเคยไปช่วยแกทำงานบ้าน เลี้ยงลูก แกจะให้เงินมาให้แม่ซื้อกับข้าว ครูนกส่งข่าวว่าที่โรงพยาบาลรับสมัครงาน อยากมาลองสมัครไหมจะได้ทำงานใกล้บ้าน ตำแหน่งงานที่ว่างตอนนั้นมีให้เลือกระหว่างผู้ช่วยทันตแพทย์กับน้องผู้ช่วยเหลือคนไข้ประจำวอร์ด มลอยากทำที่ห้องฟัน เพราะนอกจากไม่ชอบงานผู้ช่วยเหลือแล้ว การไม่ต้องขึ้นเวร 8 จะทำให้มีเวลาว่างตอนเย็นและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ที่สามารถช่วยงานในไร่ในนาของที่บ้านได้บ้าง

หลังเอากลุ่มผู้สมัครที่คัดจากการสัมภาษณ์และสอบข้อเขียนเหลือไม่กี่คน มาฝึกงานดูความคล่องแคล่วคล่องตัว พอเหมาะพอดีกับงาน ก็คัดออกจนเหลือพอดีกับตำแหน่งที่รับ...มลจึงได้รับเลือกเป็นเจ้าหน้าที่น้องใหม่ของห้องฟันตั้งแต่ตอนนั้น

งานผู้ช่วยฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านยาขมการท่องจำเครื่องมือที่เป็นภาษาอังกฤษอันไม่คุ้นเคย การปรับการช่วยให้ถูกใจ Operator มากหน้าหลายตาและหลายอารมณ์ หลายครั้งท้อ หมดกำลังใจ อยากเลิก อยากลาออก แต่ไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง แถมคำขอ ครูนกยังก้องในหัว ทำตัวให้ดี ขยัน ให้คอยถามทุกคนตลอดว่า มีอะไรให้หนูช่วยไหม...ให้สู้

วันที่ 4 มิถุนา ของปีแรกที่ทำงาน ตอนมลอยู่ที่ร้านขายถูก ร้านค้าสวัสดิการของโรงพยาบาล มีโทรศัพท์มาตามตัวกลับฝ่าย วันนั้นวันเกิดมล มลได้เป่าเค้กก้อนแรกในชีวิต มลประทับใจ อยากร้องไห้ คิดย้อนไปทำงานที่นี่ก็ดี หมอเป็นกันเอง ดูแลเอาใจใส่ กินก็กินเหมือนกัน พร้อมกัน นั่งก็นั่งเสมอกัน ไม่เหมือนตอนเรียนที่ถ้าครูนั่งเก้าอี้ เด็กๆ จะนั่งกับพื้น ...มลบอกว่าจะตั้งใจทำงานและจะอยู่ที่นี่ตลอดไป

มลไม่ใช่ผู้ช่วยที่ดีที่สุด มีบางเรื่องบางราวยังพบเห็นให้เป็นโอกาสพัฒนา แต่เชื่อว่าประสบการณ์..สิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คงช่วยให้มลได้คิดและไม่ใช้โอกาสที่มีอยู่มากนักเปลืองเปล่า

และผมคงสรุปอีกครั้งว่า ความเข้าใจที่มาที่ไปในชีวิตนั้นสำคัญ มองไปข้างหลังอย่างเข้าใจ เราจะได้เรียนรู้ เติบโตและเดินต่อด้วยกันไปข้างหน้าได้ ในจังหวะก้าวที่พอดิบพอดี

0 ความคิดเห็น: