วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

เสี้ยวการตัดสินใจ กับลมหายใจของพ่อ

เสี้ยวการตัดสินใจ กับลมหายใจของพ่อ
บทความจากแผนงานพัฒนาเครือข่ายทันตบุคลากรไทยเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ

มยุรีย์ เวียงแก้ว
ทันตาภิบาล ร.พ เชียงดาว จ.เชียงใหม่


ท่ามกลางผู้ป่วยจำนวนมากมายที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลที่ดีที่สุดของพวกเราชาวเชียงใหม่และผู้คนในแถบภาคเหนือตอนบน หลายคนมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ สับสน ท้อแท้และอาจจะหมดหวัง.....ในที่สุด

ฉันมองดูผู้คนเหล่านั้นด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาด้วย อาจเป็นเพราะว่าการที่ได้ทำงานในเรื่องของสุขภาพส่วนหนึ่ง และความทุกข์ใจกับโรคภัยไข้เจ็บที่มารุมเร้าคนที่รัก ฉันไม่อยากให้ความทุกข์เช่นนี้เกิดขึ้นกับตนเอง กับคนที่เรารักหรือแม้แต่คนที่รู้จักคุ้นเคย

พ่อหายเข้าไปในห้องตรวจของแพทย์นานแล้ว หลังจากที่คุณหมอบอกฉันว่าต้องตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพราะอาการของพ่อไม่ค่อยดีนัก จากการอ่านประวัติและใบนำส่งตัวจากโรงพยาบาลชุมชนที่ฉันทำงานอยู่ ขาของพ่อบวมโตทั้งสองข้าง จนทำให้เดินไม่ถนัดตั้งแต่ก่อนมา พนักงานเปลรีบเข็นรถมาให้พ่อนั่งตั้งแต่ก้าวลงจากรถหน้าโรงพยาบาล

ฉันเป็นห่วงและค่อนข้างวิตกกังวล เพราะในสถานการณ์แบบนี้ฉันรู้ดีว่าพ่อต้องกลัว พ่อไม่คุ้นชินกับเครื่องไม้เครื่องมือของคุณหมอ ไม่ค่อยเข้าใจอาการของโรคที่ตัวเองเป็น พ่อมักจะนั่งมองตาปริบๆเสมอเวลาที่คุณหมออธิบายเกี่ยวกับโรคของพ่อให้ฉันฟัง และมักจะคอยถามฉันลับหลังคุณหมอเสมอ ในเวลาที่ได้ยินศัพท์แสงแปลกๆ พ่อบอกฉันว่าพ่อเป็นเพียงคนแก่บ้านนอกคนหนึ่ง ที่มักจะกลัว ตื่นเต้นและเป็นกังวลอย่างมากเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ทางการแพทย์

พ่อเคยบอกฉันว่า ในชีวิตนี้ไม่เคยสักครั้งที่จะล้มหมอนนอนเสื่อ เพราะมีสุขภาพที่ดีมาตลอด พ่อพึ่งพาหมอสมัยใหม่น้อยมาก จะเห็นก็แต่เด็ดและตำใบหญ้าเมืองวาย(หญ้าสาบเสือ) แปะแผลห้ามเลือดเมื่อมีบาดแผล ขูดผิวลูกแหนยัดใส่ฟันผุเป็นรูยามที่ลูกๆบ่นปวดฟัน หรือแม้แต่การต้มใบฝรั่งไห้ลูกดื่มเมื่อยามที่ลูกท้องเดิน

พ่อเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า จากรอยยิ้มอย่างเต็มใบหน้าในตอนแรกๆค่อยๆหายไป พ่อเริ่มเงียบลงอย่างน่ากลัว เมื่อรู้ว่าต้องไปโรงพยาบาลตามที่คุณหมอนัด และท้ายสุดฉันเห็นแววตาที่ท้อแท้ของพ่อในแวบหนึ่ง เป็นแวบเดียวและแวบสุดท้ายในชีวิต ฉันรู้ว่าพ่อไม่อยากให้ฉันทุกข์ ไม่อยากให้ฉันต้องกังวล พ่อเป็นตัวอย่างที่ดีของฉันเสมอ ในความเข็มแข็งอดทนและใช้ชีวิตไม่ให้เป็นภาระของใคร

ฉันมักจะมีคำปลอบใจดีๆ ให้พ่อเสมอ แม้ว่าในหัวใจไม่เคยมีความมั่นใจเลยในการรักษาเพราะรู้ดีในเรื่องโรคที่พ่อกำลังเป็น

ในวาระท้ายสุดของชีวิต พ่อขอร้องฉันไม่ให้พาไปหาหมออีกแล้ว ขอร้องให้หยุดใช้ยาทุกชนิดไม่ยอมให้มีการล้างไตอีก วันนั้นพ่อยิ้มอย่างเต็มที่ เป็นยิ้มที่ไม่เคยเห็นจากพ่อนานแล้ว ในช่วงเวลาที่พ่อลำบากทุกข์ทนอยู่กับวังวนของโรคภัยไข้เจ็บ พ่อให้เหตุผล หว่านล้อม ชักจูงจนฉันต้องตกปากรับคำว่าจะทำตามที่พ่อขอร้อง ในวันนั้นเราสองคนพ่อลูกนอนจับมือกัน ฉันร้องเพลง “คืนนั้น...หน้าหนาว” มัน เป็นเพลงคริสต์มาสเพลงสุดท้ายที่ฉันร้องให้พ่อฟัง เป็นเพลงเดียวที่ฉันตั้งใจร้องและคิดว่าเป็นเพลงที่ไพเราะและเศร้าที่สุดในชีวิตตั้งแต่ฉันร้องเพลงมา

พ่อหลับไปในคืนวันที่ 26 ธันวาคม ปลายปีที่แล้ว แล้วก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีกเลย มีความสุขอยู่ในอ้อมพระหัตถ์..แห่งรักนิรันดร์… ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

0 ความคิดเห็น: