วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

เมื่อหมอฟัน ...มีฟัน...แต่เคี้ยวไม่ได้... โดย ชิวเหรียญ

เมื่อหมอฟัน ...มีฟัน...แต่เคี้ยวไม่ได้... โดย ชิวเหรียญ

ช่วงกลางปีที่ผ่านมา หลังจากเรากลับจากการประชุม ก็พบว่าตนเองเริ่มมีอาการเจ็บคอ เจ็บหูเวลากลืนน้ำลาย เอาล่ะสิ...สงสัยจะติดหวัดจากที่ประชุมมาอีกแล้ว ตัวเองยิ่งชอบอัพเดทโรคใหม่ ๆ อยู่ซะด้วย ความที่กลัวจะเป็นหนัก จึงรีบทานยาปฏิชีวนะกันไว้ก่อน ซึ่งเราก็เป็นคนที่มีวินัยในการทานยาพอสมควรนะ กินครบ dose ตลอด คงจะไม่ดื้อยาแน่นอน
อีกวันถัดมา ก็เริ่มมีไข้ ลิ้นแตก เจ็บไปหมดเลย คุณแม่ผู้เป็นหมอกุ๊กกู๋ประจำตัว คิดว่าคงมีอาการร้อนในร่วมด้วย เพราะอากาศช่วงนี้ร้อนมาก ๆ แม่ก็เลยหายาสมุนไพร แก้ร้อนในมาให้กินสารพัด แต่...อาการก็ไม่ดีขึ้น คราวนี้เหงือกอักเสบไปหมดทั้งปาก ใช้ฟันกัดเคี้ยวอะไรไม่ได้เลย ขนาดแปรงฟันยังน้ำตาไหลพราก ๆ ทรมานมาก ส่วนตัวคิดว่า คงเพราะมีประจำเดือนช่วงนี้พอดี อาการร้อนในเลยรุนแรงกว่าปกติ เราจึงพยายามจะให้แพทย์ตรวจหาสาเหตุของอาการไข้ตัวร้อนให้ แต่วัดปรอทที่รักแร้ทีไร ก็ไม่มีไข้ อุณหภูมิปกติทุกที เฮ้อ ! จะปกติได้อย่างไรกัน ปากพองจะสุกไปหมดแล้ว อยากจะเอาปรอทที่วัดเต่าเมื่อกี้มาอมใต้ลิ้น ให้พยาบาลดู ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เฮ้อ ๆ ๆ แล้วเราก็เป็นไข้ตัวรุม ๆ อยู่ 5 วัน กับน้ำหนักตัวที่ลดลง (จากที่น้อยอยู่แล้ว) เพราะกินอะไรไม่ได้เลย ปวดไปทั้งปาก แล้วก็พบทางสว่างให้ตัวเอง ว่าต้องเป็นโรคทางช่องปากอะไรซักอย่างแน่ แต่จะให้แพทย์ที่โรงพยาบาลส่งปรึกษาทันตกรรม ทันตแพทย์ประจำโรงพยาบาลก็ตูนี่หว่า อย่ากระนั้นเลย กระเสือกกระสนเข้าไปหาพี่หมอฟันที่โรงพยาบาลจังหวัดดีกว่า...
และแล้วพี่หมอฟันใจดีก็ชี้ทางสว่างให้ โอ้..ไม่นะ ชั้นเป็น primary herpetic gingivostomatitis หรือเนี่ย (เรียกแบบชาวบ้านก็คือเริมนั่นเอง) เคยเห็นแต่ในเล็คเชอร์ ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ดีใจจนน้ำตาซึมเลยทีเดียว (เสียใจต่างหาก) แล้วพี่หมอก็ให้ยาชาอมกลั้วปาก มาให้ชั้นอมก่อนทานข้าว จะได้ทานได้ง่ายขึ้น ไม่อย่างนั้นคงตัวลีบเหลือแต่หัว เหมือนถั่วงอก ไปกว่านี้
ถึงแม้พี่หมอจะไม่ให้ยาตัวอื่นมาเพิ่ม เพราะโรคนี้สามารถหายได้เองภายใน 14 วันจ้ะ (ทำไมนานอย่างนี้) แต่ชั้นก็รู้สึกดีขึ้นที่ตัวเองรู้ว่าเป็นโรคอะไร จะหายเมื่อไหร่
พอมานั่งนึกถึงคนไข้ที่มาทำฟันกับเรา เค้าก็คงรู้สึกอย่างเดียวกัน เค้าเจ็บ ปวดฟัน ปวดเหงือกมา เค้าก็คงอยากรู้ว่าเค้าเป็นอะไร เป็นซี่ไหน เป็นเยอะมั้ย ทำอย่างไรถึงจะหายเจ็บหายปวด มีวิธีที่ทำให้หายปวดเร็วกว่านี้รึเปล่า บางครั้งเราทำคนไข้เยอะ ๆ ต่อวัน เราก็ลืมนึกถึงเรื่องสำคัญไป ลืมนึกถึงสิ่งที่อยู่นอกช่องปาก ลืมนึกถึงความรู้สึกเจ็บปวดของคนไข้ ลืมนึกถึงว่ามันกระทบกับชีวิตประจำวันของเค้ามากน้อยเพียงใด
แต่เดี๋ยวนี้เรารู้แล้วว่า การเคี้ยวข้าวไม่ได้ แค่วันเดียวมันก็ทรมานมาก หรือคนไข้ที่เค้าปวดจนแปรงฟันไม่ได้ คุณหมอฟันทั้งหลายเห็นก็คงจะบ่นว่า ทำไมไม่แปรงฟันเลยล่ะคะ...
ถ้าพวกพี่ ๆ น้อง ๆ หมอฟัน ได้อ่านเรื่องของเราตอนนี้ เราก็คงหายดีแล้ว กลับมากินข้าวกินขนมได้มีความสุขเหมือนเดิม และก็จะพยายามเข้าใจความรู้สึกของคนไข้ให้มากขึ้น
อย่ารอเรียนรู้จากประสบการณ์จริงเหมือนอย่างผู้เขียนเลยนะคะ...มันทรมานมากเลยค่ะ ขอคอนเฟิร์ม...

0 ความคิดเห็น: