วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

เรื่องของรัตน์ : ความในใจ



วันนี้รัตน์ไม่มีเรื่องมาเล่า แต่หมอจ๋อมอยากจะขอแจมแทน ด้วยความอึดอัดกับสภาพบ้านเมืองในขณะนี้เหลือเกิน

จ๋อมเกิดมาในแผ่นดินไทยนับเวลาก็หลายปีอยู่ (ยังไงก็ยังไม่อยากให้รู้ว่ากี่ปี) ตั้งแต่จ๋อมจำความได้ จ๋อมก็เห็นภาพของในหลวงกับราชวงศ์ที่เสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ต่างๆในประเทศไทย เท่าที่จำได้ มีแต่ที่ที่ทุรกันดารจนจ๋อมยังเคยแอบคิดว่า จ้างให้จ๋อมไป จ๋อมก็ไม่ไป จ๋อมเห็นภาพเหล่านี้มาจนชินตา จนโตขึ้นมาเรื่อยๆก็ได้รับรู้ถึงสิ่งที่ในหลวงทรงทำมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่รับรู้ ทุกภาพที่เคยเห็นก็ซึบซาบเข้าไปในสำนึก ยิ่งได้มาเปรียบเทียบกับราชวงศ์ของประเทศอื่นๆ จ๋อมก็เกิดความรู้สึกว่า ช่างโชคดีที่เกิดมาเป็นคนไทย ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของในหลวงพระองค์นี้ และจ๋อมก็คิดว่าคนไทยทุกคนคงคิดเหมือนกัน จ๋อมเคยนึกอิจฉาคนต่างจังหวัด เพราะพวกเขามีโอกาสได้เฝ้าในหลวงมากกว่าจ๋อม แล้วเป็นการเฝ้าที่ใกล้ชิด บางคนชนิดที่ว่า ท่านเสด็จไปที่บ้าน หรือบางคนที่โชคดีมากๆ ท่านขึ้นไปประทับบนบ้านด้วยซ้ำ ยิ่งเขาเหล่านั้นอาศัยอยู่ในที่ที่ทุรกันดารมากเท่าไหร่ โอกาสที่เขาจะได้เฝ้าในหลวงอย่างใกล้ชิด ก็ยิ่งมีมากกว่าคนอื่นๆที่อยู่ในที่ๆ สบาย

สมัยที่เรียนหนังสือ ทุกๆคืนจ๋อมจะต้องคอยเฝ้าดูข่าวในพระราชสำนัก ดูแล้วก็แปลกใจ ว่าในหลวงท่านทรงทำอะไรให้ประเทศชาติมากมายเหลือเกิน ท่านทำเพื่อประชาชนชาวไทยทั้งสิ้น ให้คนไทยได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ที่สำคัญคือ อยู่ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น แต่ละโครงการในพระราชดำริ ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการที่จะช่วยพัฒนาชาวบ้านให้สามารถเลี้ยงชีพได้ด้วยตัวเองตามท้องถิ่นที่ตนเองอยู่

อย่างหนึ่งที่จ๋อมดีใจ คือเมื่อจ๋อมเรียนจบ จ๋อมยังมีโอกาสได้รับพระราชทานปริญญาจากพระหัตถ์ของในหลวง เมื่อถึงเวลาที่พระองค์ท่านพระราชทานพระบรมราโชวาท จำได้ว่ารู้สึกตกใจที่พระสุรเสียงท่านไม่สดใสกังวาน จนรู้สึกเป็นห่วงว่าท่านคงไม่สบาย จ๋อมยังจำได้ว่าเมื่อเสร็จสิ้นงานพระราชทานปริญญา จ๋อมคิดว่าท่านคงเหนื่อยมาก เพราะจ๋อมเองยังรู้สึกเหนื่อย และเบื่อ แต่ตลอดเวลานั้น จ๋อมไม่จำเป็นต้องนั่งตัวตรง สนใจและมีสมาธิตลอด จ๋อมสามารถ นั่งเล่น เอนตัวนอน แอบกินขนม คุยกับเพื่อนได้ จ๋อมมีหน้าที่ต้องตั้งใจทำให้ดี ตอนที่เดินขึ้นไปรับพระราชทานปริญญา แค่ช่วงเวลาไม่กี่นาที แล้วพระองค์ท่านล่ะ ท่านต้องทรงประทับนั่งตัวตรง ทรงยุกยิกไม่ได้ ตรัสกับใครไม่ได้ เป็นเวลาเท่าไหร่ ตลอดพิธี ท่านไม่จำเป็นต้องเสด็จมาพระราชทานปริญญาได้ไหม จ๋อมเคยอ่านเจอที่เคยมีคนทูลถามท่านแบบนี้ ท่านทรงตอบว่า บัณฑิตเขาอยากให้ท่านไป ท่านจะทำแบบนี้ไปจนกว่าท่านจะทำไม่ไหว ซึ่งท่านก็ไม่ได้เสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตรอีกไม่กี่ปีหลังจากที่จ๋อมจบ

หลังๆจ๋อมก็ไม่ค่อยได้เห็นภาพของในหลวงที่เสด็จไปทุกตางรางนิ้วของประเทศไทย เพื่อพัฒนาฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของคนไทยอีก เพราะสุขภาพท่านไม่ค่อยอำนวย จ๋อมเชื่อแน่ว่า การที่ท่านทรงมีสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก สาเหตุน่าจะมาจากการที่ท่านทรงงานเพื่อประเทศชาติ ปวงชนชาวไทยแน่ๆ ร่างกายคนจะแข็งแกร่งทนทานกับสิ่งที่ท่านทำได้สักเท่าไหร่เชียว ระยะเวลาที่ท่านทรงงาน เท่าที่จ๋อมจำได้น่าจะประมาณ 40-50 ปี คนตามเสด็จ เจ้าหน้าที่เปลี่ยนหน้าไปไม่รู้กี่คน แต่ละพื้นที่ก็มีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในพื้นที่ต่างๆกันไป แต่ทุกที่ ทุกแห่ง ทุกครั้งคราว ก็ยังคงเป็นในหลวงพระองค์นี้ที่ทรงงานอยู่พระองค์เดียว ร่างกายใครจะไปทนไหว

จ๋อมรู้สึกว่าพระคุณของในหลวงต่อประเทศชาตินั้นมากมายนัก แม้จ๋อมจะไม่ใช่คนที่ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ท่านทำให้โดยตรง แต่ก็ยังทำให้จ๋อมรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง จนคิดว่าในชีวิตนี้ของจ๋อม จ๋อมตายแทนพระองค์ได้ จ๋อมเคยอยากทำงานถวาย แต่ไม่รู้ว่าจะทำไง เคยนึกอิจฉาคนที่ได้รับใช้ใกล้ชิดท่าน จนเมื่อจ๋อมจบเฉพาะทาง จ๋อมเลยลองเขียนจดหมายไปถึงกอง ราชเลขาธิการ ขอสมัครทำงานให้ในหลวง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ คนที่รับจดหมายจ๋อมก็คงขำๆ ว่า ไอ้นี่มันบ้าหรือเปล่า จ๋อมก็เลยตั้งใจแค่ว่า จ๋อมจะเป็นคนดีของประเทศเท่าที่จะทำได้ เพื่อถวายแด่ในหลวง ก็เป็นสิ่งที่จ๋อมพอจะทำได้

จ๋อมจำได้ถึงตอนที่เกิดสึนามิ สิ่งที่จ๋อมได้ยิน ยังคงเป็นในหลวง ที่ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และให้มูลนิธิต่างๆของพระองค์ลงมาช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับภัย นอกจากนั้น สิ่งที่จ๋อมได้เห็น คือ ภาพของสมเด็จพระเทพฯ หรือพระองค์โสม ที่ทรงเสด็จไปช่วยบรรจุของลงถุง เพื่อส่งไปช่วยเหลือ หรือแม้แต่ในวันปีใหม่ ที่จ๋อมกำลังทำงานอยู่ที่วัดย่าน-ยาว จ๋อมก็ได้รับแจกภาพของพระเทพฯ ที่พระราชทานมา พร้อมทั้งพรปีใหม่ และคำขอบคุณที่เขียนด้วยลายพระหัตถ์ของพระองค์ที่ท่านมอบให้แก่ผู้ที่มาทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ เพราะฉะนั้น จ๋อมจึงไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงมีคนหลงลืมพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงที่ในหลวงมีให้แก่คนไทยทุกคน จนหลายคนย้อนกลับมาทำร้ายพระองค์ท่านด้วยซ้ำ โดยเฉพาะคนรุ่นเดียวกับจ๋อม หรือคนที่อายุมากกว่าจ๋อม เพราะจ๋อมแน่ใจว่าคนเหล่านี้ ก็ต้องเคยเห็นภาพในหลวงทรงงานอย่างที่จ๋อมเห็น เคยรับรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างที่จ๋อมเคยรับรู้ จ๋อมไม่เคยคิดว่าคนเราจะไร้สำนึก ไร้ความกตัญญูได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่คนบางคนที่ใกล้ชิดที่รู้จัก หลายคนเป็นคนที่จ๋อมเคยยกมือไหว้ด้วยความเคารพอย่างสนิทใจ ก็เป็นไปกับเขาด้วย จนเดี๋ยวนี้จ๋อมไม่เคยยกมือไหว้อีกเลย

ที่เขียนมาทั้งหมด เป็นแค่ความรู้สึกส่วนหนึ่ง ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่จ๋อมคิด ที่จ๋อมรู้สึกและอึดอัดอยากระบาย จ๋อมไม่รู้ว่าคุณที่อ่านจะมีความคิดเป็นอย่างไรจ๋อมรู้แค่ว่า จ๋อมเป็นคนไทยคนนึงที่รักในหลวงอย่างเหลือเกิน ทั้งจงรักและภักดี รักจากสิ่งที่จ๋อมได้เห็นได้รับรู้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่เขาพูดมา เล่ามา ว่ามา หรืออ่านจากเรื่องที่ฝรั่งเขียน หรืออ่านจากอินเทอร์เน็ต เหมือนที่หลายๆคนพยายามเกลี้ยกล่อมจ๋อมให้เชื่ออย่างที่เขาเชื่อ จ๋อมก็ได้อ่านอย่างที่เขาอ่าน แต่จ๋อมก็ยังเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่จ๋อมเห็นและรับรู้ด้วยตัวเองมากกว่า อาจจะเป็นเพราะจ๋อมมีสมองที่จะคิด ที่จะกลั่นกรองเอง จ๋อมจึงเลือกที่จะยังคงรักในหลวงอย่างที่จ๋อมเป็นอยู่ตอนนี้ และจ๋อมก็จะยังคงรักและภักดีต่อพระองค์ตลอดไป

จ๋อมเชื่อว่าคนเราความกตัญญูเป็นสิ่งที่สำคัญ บ้านเมืองเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ใครที่คิดร้ายต่อบ้านเมือง อกตัญญูต่อคนที่ทำประโยชน์แก่บ้านเมือง จ๋อมเชื่อแน่ว่ามันผู้นั้นไม่น่าจะพบเจอกับสิ่งที่ดีในชีวิตหรอก คนเราเกิดมาไม่ได้วัดความสำเร็จกันที่ตัวเงิน จ๋อมว่าคนเราจะเกิดมาได้คุ้มค่าเกิด อยู่ที่ว่าเราสามารถทำตนได้สมกับความเป็นคน ความเป็นมนุษย์ได้แค่ไหนมากกว่า

จ๋อมไม่ได้เขียนทั้งหมดนี้มาเพื่อให้คุณเชื่ออย่างที่จ๋อมเชื่อ แค่อยากสะกิดให้คิดกันบ้างถึงสิ่งทั้งหมดที่หลายคนอาจหลงลืมไปแล้ว แล้วกลับมาคิดดูว่าเราสมควรจะปล่อยให้ประเทศชาติบ้านเมืองเป็นแบบนี้ต่อไปหรือ พวกเราทั้งหลายพอจะทำอะไรให้บ้านเมืองของเราดีขึ้นกว่านี้ได้ไหม จ๋อมเชื่อว่าคนที่อ่านวารสารนี้ หลายคนยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่ชุมชน จ๋อมเชื่อว่าชาวบ้านหลายคนกำลังได้รับข้อมูลข่าวสารที่ผิดๆที่พวกเขาพยายามปล่อยข่าวเพื่อให้ชาวบ้านหลงเชื่อ ละทิ้งความจงรักภักดี แม้เราอาจจะไม่มีอำนาจ แต่อย่าคิดว่าเราไม่มีโอกาส จ๋อมเองก็กำลังพยายามทำเท่าที่ทำได้อยู่ พยายามให้ข้อมูล พยายามชี้ให้เห็นในสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผล จ๋อมยังคงเชื่อว่าสิ่งเล็กๆที่เราทำ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็ได้

สิ่งสุดท้ายที่จ๋อมอยากจะบอกอีกครั้งคือ จ๋อมเป็นแค่คนไทยคนนึงที่เกลียดการคอรัปชั่น เกลียดการเอารัดเอาเปรียบ เกลียดการโกงกิน จ๋อมรักประเทศชาติบ้านเมืองของจ๋อมที่ชื่อว่าประเทศไทย และที่เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้จ๋อมต้องเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพราะจ๋อมเป็นคนไทย ที่รักและเคารพพระเจ้าอยู่หัว-ภูมิพลของคนไทย รักและเคารพไม่ใช่เพราะท่านเป็นพระเจ้าอยู่หัว แต่รักและเคารพเพราะท่านเป็นองค์ภูมิพล และจ๋อมก็จะรักและเคารพท่านตลอดไป ตราบเท่าที่จ๋อมยังมีลมหายใจอยู่ ขอจงทรงพระเจริญ

0 ความคิดเห็น: