วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

สายด่วนจากติวานนท์

สายด่วนจากติวานนท์
หมอแพร บางใหญ่

ไปสอบถามจากพี่ศิริชัย ชูประวัติ (ผู้มีศักยภาพและจุดยืนที่เหมาะเจาะที่สุดที่จะช่วยสนับสนุนพวกเราในประเด็นนี้) จะได้รับคำอธิบายว่า หลังจากเริ่มผลิตทันตาภิบาล 4 ปี (ซึ่งเริ่มแล้วเดือนพย 52นี้)แล้ว กระบวนการขั้นตอนการเตรียมตำแหน่งนักวิชาการ(ทันตฯ)จะต้องทำให้แล้วเสร็จภายในเวลา 2 ปี ซึ่งจะต้องมีการพัฒนา Job description ของนักวิชาการ(ทันตฯ) เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยงข้อง ได้แก่ กองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข อกพ. กระทรวง สป. กพ. เพื่อกำหนดตำแหน่งขึ้น โดยจะปรับทันตาภิบาลที่มีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์นักวิชาการ(ทันตฯ) เปลี่ยนแท่งเงินเดือนโดยให้เลขที่ตำแหน่งเดิม

  • สำหรับการเตรียมการรองรับการพัฒนาทันตาจาก 2 ปี เป็น 4 ปีนั้น ด้านการพัฒนาอาจารย์วสส. ในวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมระหว่าง กองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กับสถาบันพระบรมราชชนก เพื่อตกลงกันในเรื่องทำกรอบ อาจารย์ทันตแพทย์ต่อนักศึกษาทันตาภิบาล (เกณฑ์ 1:8) ในรอบนี้สบช. จะมีจำนวนทันตแพทย์ถึง 100 คน ซึ่งจะต้องทยอยบรรจุต่อไป และจะต้องพัฒนาโรงพยาบาลชุมชนให้สามารถรองรับการร่วมจัดการศึกษาให้กับทันตาภิบาลในบางModule ตลอดจนเป็นที่ฝึกงานของนักศึกษาทันตาภิบาลต่อไป สำหรับทันตาภิบาลที่มีวุฒิปริญญาตรี(ที่ เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานทันตสาธารณสุข) อยู่แล้ว เมื่อมีการกำหนดคุณสมบัติสายงานนักวิชาการ(ทันตฯ) จะต้องมีกรรมการร่วมระหว่างม. บูรพาและสบช.เพื่อพิจารณาวุฒิที่เกี่ยวข้องว่าจะสามารถเทียบเคียงหรือเทียบเท่ากับวุฒินักวิชาการได้ไหม หากสามารถรับรองวุฒิของมหาวิทยาลัยใดก็จะสามารถโอนเข้าสู่สายงานได้ โดยประเด็นนี้เป็นเป้าหมายในการนำนโยบายของพี่ศิริชัยของพวกเราค่ะ
  • ข่าวดีสำหรับทันตบุคลากรภูมิภาค เราจะมีตำแหน่งทันตแพทย์ดูแลระบบในสำนักงานปลัดกระทรวงแล้ว หลังจากที่ไม่มีทันตแพทย์ในสำนักงานปลัดกระทรวงอยู่หลายปี โดยครม. ได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกพร. ให้ยุบสำนักพัฒนาระบบบริการสุขภาพ สำนักงานปลัดกระทรวง และตัดโอนหน้าที่และอัตรากำลังไปสำนักงานปลัดกระทรวง คาดว่าเราจะมีพี่ศิริชัย ชูประวัติ และทพ. จารุวัฒน์ บุษราคัมรุหะมาทำหน้าที่ในส่วนนี้(ไม่มั่นใจว่าพี่บุญญฤทธิ์จะมาด้วยไหม) น่าจะส่งผลให้การเชื่อมต่อของระบบงานทันตสาธารณสุขระหว่างภูมิภาคกับส่วนกลางทำได้กระชับ ตรงสายงาน และชัดเจนยิ่งขึ้น

  • ปี 2553 นี้กระบวนการพิจารณาความดีความชอบ กระบวนการประเมินผลการทำงานของเราปรับจากระบบขั้น สองขั้น เป็นการขึ้นเงินเดือนแบบเป็นร้อยละ 0-6 ท่านมีโอกาสได้รับเงินเดือนเพิ่มที่ละมากๆ ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสไม่ได้เพิ่มเงินเดือนเลยด้วย นอกจากนี้ยังมีอนุกรรมการตั้งมาเพื่อพัฒนาการประเมินผลการทำงาน (workpoint) โดยมีเป้าประสงค์ให้คนทำงานดี ได้การยอมรับได้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมมากขึ้น โดยเป้านโยบายบุคลากรนั้นจะล้มระบบค่าตอบแทนทั้งระบบเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย พตส และไม่ทำเวชในตค.53 และใช้เกณฑ์ใหม่ที่สอดคล้องกับการทำงานมากขึ้น ทำมากได้ค่าตอบแทนมาก ที่ผ่านมาเราดูแลเรื่องสวัสดิการท่านแล้ว ตอนนี้เราต้องดูแลสวัสดิการที่จะตกแก่ประชาชนด้วยค่ะ ใครเกียร์ว่างๆก็ใส่เกียร์เสียนะคะ สวัสดีค่ะ

0 ความคิดเห็น: